IoT เป็นเทคโนโลยีทีี่มีผลอย่างมากในอุตสาหกรรม โดยเราสามารถนำมันมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้หลายรูปแบบ โดยหนึ่งในนั้นคือการนำมาบริหารด้าน ซัพพลายเชน

เหตุผล ประการที่องค์กรในทุกภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องนำ IoT เข้ามามีบทบาทในกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านระบบ ซัพพลายเชน

 

1.    IoT ช่วยปรับปรุงการเติบโตของภาคธุรกิจ ทำให้ทุกหน่วยงานมองเห็นภาพรวมของธุรกิจมากขึ้น

IoT จะทำให้ทุกแผนกสามารถเห็นขั้นตอนการทำงานทั้งหมดในองค์กร และทำให้รูปแบบการดำเนินงานช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและความแตกต่างทางด้านการแข่งขันได้ โดย IoT คือด้ายเส้นสำคัญที่จะเชื่อมฟังก์ชั่นต่างๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน

2.    IoT เพิ่มผลผลิตด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics)

การชำรุดเสียหายของอุปกรณ์ต่างๆ อาจนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายอันมหาศาลให้แก่องค์กร แต่หากมีการรายงานข้อมูลการทำงานของอุปกรณ์แบบเรียลไทม์ ธุรกิจสามารถรู้ที่มาของปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ก่อนที่จะทำให้เกิดหายนะใหญ่หลวง ด้วยIoT บริษัทสามารถเปรียบเทียบโรงงานแต่ละแห่ง และทำการวัดผลอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างความมั่นใจว่าโรงงานทุกแห่ง และสายงานการผลิตมีการดำเนินงานอย่างราบรื่น 

3.    IoT จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่ง ด้วยการวัดอุปกรณ์สึกหรอของรถยนต์แบบเรียลไทม์ (Fleet Monitoring)

บริษัทสามารถทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทำงานของยานพาหนะได้แบบเรียลไทม์ การเชื่อมต่อยานพาหนะและสินค้ากับ IoT จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาเครื่องมือเครื่องใช้ให้คงสภาพพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา และยังเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าด้วยการคาดการณ์เวลาที่สินค้าจะถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้น (ETA)

รวมถึงยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้อีกด้วย IoT ยังสามารถช่วยให้บริษัทติดตามพฤติกรรมพนักงานขับรถ และใช้การวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อคาดการณ์การซ่อมบำรุง และสามารถตัดสินใจและใช้ประโยชน์จากความอัจฉริยะในการคาดการณ์ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและประโยชน์ให้กับระบบซัพพลายเชน

 

4.    IoT ช่วยให้ได้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์จากการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ต่างๆ

การติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์บนอุปกรณ์ใดก็ได้ ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจที่มาและการทำงานของข้อมูลเหล่านั้นว่าเป็นไปอย่างไร เมื่อมีข้อมูลว่าอุปกรณ์นั้นๆ ต้องการการซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน จะมีการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติไปยังเจ้าหน้าที่ให้บริการทางเทคนิคเพื่อเข้ามาประเมินสถานการณ์

โดยบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นจากความเสื่อมเสียหรือทราบแม้กระทั่งว่ามีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์นั้นๆ เพื่อป้องกันการลักทรัพย์ที่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยความสามารถในการติดตามเฝ้าดูสภาพแวดล้อมของอุปกรณ์นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ความชื้น และการติดตามตำแหน่ง

5.   IoT ช่วยติดตามพฤติกรรมพนักงานเพื่อลดความเสี่ยง

การที่พนักงานได้รับอุปกรณ์สวมใส่ที่เชื่อมต่อับระบบ IoT ทำให้บริษัทสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมของสถานที่ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยง เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน บริษัทสามารถเฝ้าติดตามดูสุขภาพสถานที่และการปฏิบัติตามกฎระเบียบของพนักงานแต่ละคน ทำให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงนโยบายต่างๆ ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดและป้องกันอุบัติเหตุได้

 IoT ทำให้เกิดการทำงานที่เป็นอัตโนมัติ รวมถึงการติดตามการทำงานซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตและลดความผิดพลาดอันอาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงได้