สนช. (NIA) จับมือ Germany Accelerator South East Asia (GASEA) และ enpact หน่วยงานภายใต้ Startup AsiaBerlin (SUAB) เพื่อส่งเสริมร่วมมือในระดับนานาชาติ 5 ด้าน มุ่งขยายตลาดสู่ยุโรป และอาเซียน โดยหน่วยงานฝั่งเยอรมันประกาศสนใจธุรกิจ เออเบิร์นเทค และฟินเทค ในไทย
NIA เผยความร่วมมือ ระดับนานาชาติ
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จับมือ Germany Accelerator South East Asia (GASEA) หน่วยงานของกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และ enpact หน่วยงานภายใต้ Startup AsiaBerlin (SUAB) ของกระทรวงเศรษฐกิจและพลังงาน
เพื่อส่งเสริมร่วมมือในระดับนานาชาติในการพัฒนาระบบนิเวศและผลักดันสตาร์ทอัพให้ก้าวสู่เวทีต่างประเทศ โดยภายใต้ความร่วมมือนี้มีกิจกรรมที่สำคัญ 5 ด้าน อาทิ การพัฒนาแพลตฟอร์ม Accelerator เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลการขยายตลาดยุโรป และอาเซียน
การร่วมกันพัฒนาเครื่องมืองการวิเคราะห์ระบบนิเวศสตาร์ทอัพในระดับเมือง การอำนวยความสะดวกด้านการจัดตั้งบริษัทและพื้นที่การดำเนินธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งหน่วยงานฝั่งเยอรมันยังได้ให้ความสนใจในเรื่องเออเบิร์นเทค (Urban Tech) และฟินเทค (Fin Tech) และเตรียมวางแผนกิจกรรมที่จะทำร่วมกันในอนาคตอันใกล้นี้
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี กล่าวว่า สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในการขยายตัวสู่ระดับเมือง
ล่าสุดจึงได้ลงนามความร่วมมือกับ Germany Accelerator South East Asia (GASEA) หน่วยงานของกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ที่มีภารกิจในการสร้างและผลักดันสตาร์ทอัพให้เติบโตออกสู่ตลาด พร้อมด้วย enpact หน่วยงานภายใต้ Startup AsiaBerlin (SUAB) ของกระทรวงเศรษฐกิจ และพลังงาน
ที่มีภารกิจในการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อการเชื่อมต่อระบบนิเวศสตาร์ทอัพในแต่ละเมือง รวมไปถึงระหว่างเยอรมันและอาเซียน โดยการลงนามในครั้งนี้ทั้ง 3 หน่วยงาน ล้วนมีเป้าประสงค์เดียวกันคือการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติเพื่อส่งเสริมสตาร์ทอัพของประเทศตนเองให้ก้าวไปสู่เวทีต่างประเทศ
และแลกเปลี่ยนและพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพร่วมกัน ซึ่งถือเป็นประโยชน์ที่จะเอื้อต่อการพัฒนาประเทศไทยตามนโยบาย Thailand 4.0 และช่วยให้ประเทศก้าวไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมได้รวดเร็วขึ้น
ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับกิจกรรมความร่วมมือภายใต้ความร่วมมือนี้ ประกอบด้วย
- การพัฒนาแพลตฟอร์ม Accelerator ร่วมกันเพื่อเป็นสะพานเชื่อมให้สตาร์ทอัพในเมืองหลวงของทั้งสองประเทศเข้าถึงข้อมูลการขยายตลาดยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและการลงทุนของทั้ง 2 เมืองมหานคร โดยเน้นเข้าถึงแหล่งเงินทุน องค์ความรู้ทางด้านเทคนิค และระบบเมนเทอร์ (Internation Mentoring Program)
- การประเมินและการวิเคราะห์พัฒนาการของระบบนิเวศ ผ่านการร่วมกันพัฒนาเครื่องมือการวิเคราะห์พัฒนาการของระบบนิเวศสตาร์ทอัพในระดับเมือง
- การสร้างเครือข่ายผู้พัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพในเมืองต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นักลงทุน หน่วยงานส่งเสริม และสมาคมที่เกี่ยวข้อง
- การอำนวยความสะดวกด้านการจัดตั้งบริษัทและพื้นที่การดำเนินธุรกิจทั้ง 2 ฝ่าย เช่น การได้รับสิทธิประโยชน์ในการทำงานของสตาร์ทอัพต่างชาติในไทย (Smart Visa) เป็นต้น
ทั้งนี้ เยอรมันได้ให้ความสนใจในเรื่อง Urban Tech และ Fin Tech เป็นพิเศษ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการนำเสนอแผนความร่วมมือทั้งในระยะสั้น และระยะยาวเพื่อนำไปสู่การพัฒนาสตาร์ทอัพด้านธุรกรรมการเงิน
และนวัตกรรมเมืองในทิศทางที่สอดคล้องกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการช่วยกระตุ้นความสนใจจากนานาชาติที่จะเพิ่มการลงทุนในแต่ละประเทศ ในอนาคตอีกด้วย
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่