Grab

Grab เปิดตัวเทคโนโลยี  Safer Everyday หวังช่วยยกระดับความปลอดภัยด้วยหลากหลายฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ล่าสุด และเสริมสร้างพฤติกรรมการขับขี่ที่ดี

Grab Safer Everyday

ธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า เราเชื่อว่าความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นสิ่งที่คนไทยให้ความสำคัญ เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงสุดเป็นอันดับสองของโลกและมีผู้เสียชีวิตมากถึง 24,000 คนในแต่ละปี

ปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนนจึงเป็นสิ่งที่แกร็บให้ความใส่ใจและต้องการเข้ามาช่วยเหลือในการแก้ไข  แกร็บ ตระหนักดีว่าผู้โดยสาร และพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ของเราทุกคนมีคนที่รักและห่วงใยซึ่งเฝ้ารอให้พวกเขาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

นี่คือเหตุผลที่ในวันนี้ ที่ถึงแม้บริษัทฯ จะมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมและธุรกิจของเราจะเติบโตขึ้นหลายเท่า ความปลอดภัยก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เรายึดถือ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมขยายเพิ่มการลงทุนด้านความปลอดภัยเป็นสองเท่าในปีหน้า

การเปิดตัวเทคโนโลยี Safer Everyday ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของแกร็บในระดับภูมิภาค โดยแกร็บ ถือเป็นผู้ให้บริการเรียกรถผ่านแอพลิเคชั่นเพียงรายเดียวที่ลงทุนในความปลอดภัยที่สำคัญ อาทิ การจัดให้มีศูนย์ให้บริการคอลล์เซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้วยฟีเจอร์การปกปิดเบอร์มือถือผู้ใช้ และการตรวจสอบประวัติผู้ที่มาสมัครเป็นพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ตลอดจนการยืนยันแอคเคาท์ผู้ใช้อย่างเข้มงวด ปัจจุบัน แกร็บ สามารถช่วยลดจำนวนเหตุไม่พึงประสงค์ที่เกิดบนแพลตฟอร์มได้มากถึง 40% นับจากไตรมาสสามในปี 2560

Grab

ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ แกร็บ ได้มีการปรับโฉมแอพพลิเคชั่นเพื่อมุ่งสู่การเป็นซูเปอร์แอพที่ตอบรับความต้องการในทุกวันของภูมิภาค โดยปรับดีไซน์ใหม่ให้มีความสวยงาม ใช้งานง่าย และตอบรับความต้องการหลากหลายด้วยฟีเจอร์ใหม่

อาทิ หน้าเมนูที่แบ่งแยกประเภทของบริการ หน้าข่าวสารที่ได้รับการคัดสรรให้เหมาะสำหรับแต่ละพื้นที่ แคตตาล็อกของสมนาคุณแกร็บรีวอดส์ และเกมส์ต่าง ๆ

เทคโนโลยี Grab’s Safer Everyday ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโฉมและเปิดตัวเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ ต่างๆ ที่มุ่งยกระดับความปลอดภัยให้กับลูกค้า พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ พาร์ทเนอร์คู่ค้า พาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการขนส่ง รวมไปถึงการทำธุรกรรมจับจ่ายบนแอพพลิเคชั่นแกร็บ

ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่แกร็บ ได้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้กับทั้งอุตสาหกรรมเดินทางขนส่งของภูมิภาค เทคโนโลยีSafer Everyday จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยของแกร็บ โดยเรามีเป้าหมายที่จะผลักดันให้อัตราการเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ต่างๆ

ที่เราสามารถป้องกันได้ให้เหลือศูนย์ พร้อมทั้งช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุหากเป็นไปได้ ปัจจัยหลักที่จะทำให้เป้าหมายของเราสำเร็จนั้นคือการทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยบนท้องถนน ทั้งนี้ ฟีเจอร์ต่างๆ ในมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ของแกร็บ ได้แก่

  1. การยืนยันตัวตนผู้ร่วมทาง ทั้งพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่เพิ่มความโปร่งใสและไว้วางใจด้วยระบบยืนยันตัวตนผู้โดยสารและพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ พร้อมการตรวจสอบประวัติพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ที่ละเอียดเข้มงวดมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และบัญชีพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน
  2. ขอความช่วยเหลือทันท่วงที การเพิ่มฟีเจอร์แชร์มายไรด์  (Share My Ride) และปุ่มแจ้งเตือนฉุกเฉิน (Emergency SOS) ซึ่งปัจจุบันมีเฉพาะในแอพสำหรับผู้โดยสาร ให้มีในแอพของพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ด้วย เพื่อให้สามารถแชร์ตำแหน่งที่ขับขี่อยู่ ณ ปัจจุบันให้แก่คนที่รักและห่วงใย
  3. เสริมสร้างพฤติกรรมความปลอดภัย เทคโนโลยีการวิเคราะห์ของ แกร็บ สามารถช่วยให้ พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่เข้าใจถึงพฤติกรรมการขับขี่ของตนเองและสิ่งที่สามารถปรับปรุง ระบบตรวจสอบความเหนื่อยล้าในการขับขี่ของพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ (Driver Fatigue Monitoring System) จะส่งข้อความเตือนและแนะนำให้พัก หากพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ที่มีการรับงานติดต่อกันนานเกินระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ยังจะได้รับรายงานพฤติกรรมการขับขี่จากระบบเทเลมาติกส์ (Telematics) ซึ่งบอกถึง พฤติกรรมการเร่งความเร็ว การเบรก และการวิเคราะห์อื่นๆ ที่จะมีมาเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งนี้ ภายหลังการเปิดตัวระบบเทเลมาติกส์ มีเหตุที่เกิดจากการขับรถเร็วลดลง 50% นอกจากนี้ พฤติกรรมการเบรกและเร่งความเร็วแบบกะทันหันซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุก็ลดลงถึง20%
  4. ปลอดภัยในทุกขั้นตอน – มาตรฐานความปลอดภัยของ แกร็บ ยังครอบคลุมการตรวจตราพฤติกรรมที่น่าสงสัย พร้อมมอบการทำธุรกรรมจับจ่ายที่ปลอดภัย และระบบปกป้องข้อมูลที่รัดกุม

ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐเพื่อสนับสนุนความปลอดภัยในท้องถิ่น

Grab

แกร็บ ร่วมมือกับองค์กรเอกชนและองค์กรสาธารณทั่วภูมิภาคเพื่อพัฒนาและร่วมมือในโครงการรณรงค์ความปลอดภัยในท้องถิ่นของแต่ละประเทศในภูมิภาค โดยอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีส่วนแบ่ง 25% จากอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนทั่วโลก

การร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐจะสามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาจากการเชิญชวนผู้คนจำนวนมากขึ้นให้ทำงานร่วมกัน โดยในประเทศไทย แกร็บ ได้สนับสนุนโครงการ UNiTE โดยเลขาธิการสหประชาชาติ

ซึ่งมีการดำเนินงานมายาวนานและมีเป้าหมายเรียกร้องให้รัฐบาล ประชาสังคม องค์กรเพื่อสตรี เยาวชน เอกชน สื่อมวลชน และเครือข่ายสหประชาชาติ ร่วมมือกันป้องกันและต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงทั่วโลก

โดยภายใต้การสนับสนุนโครงการนี้ แกร็บจะดำเนินการรณรงค์ความปลอดภัยผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ การสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้เกี่ยวกับความปลอดภัย

การจัดทำป้ายข้อมูลรณรงค์ความปลอดภัยภายในรถที่ให้บริการ บทความทางออนไลน์ และช่องทางอื่นๆ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับความสำคัญของความปลอดภัยของผู้หญิงและผู้เดินทางทั่วไป

Grab

  • ในกัมพูชาและเมียนมาร์ แกร็บมุ่งเน้นการให้การศึกษาเรื่องความปลอดภัยและการอบรมผู้ขับขี่   สามล้อ โดยแกร็บจะทำงานร่วมกับกระทรวงขนส่งและโยธาธิการในกัมพูชา และร่วมกับสำนักงานตำรวจในเมียนมาร์
  • ในฟิลิปปินส์ แกร็บ ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมาธิการกำกับการดูแลการขนส่ง (LTFRB) และกองปราบปรามยาเสพติดเพื่อกำจัดอาชญากรรมในอุตสาหกรรมการขนส่ง พร้อมอบรมให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่สามารถให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินเมื่อพบอุบัติเหตุหรือมีภัยธรรมชาติ
  • ในสิงคโปร์ พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ของแกร็บที่ต้องเผชิญความเสี่ยงจากการให้บริการขับขี่เป็นระยะเวลานาน จะได้รับการดูแลทางการแพทย์ จากความร่วมมือของแกร็บกับสำนักงานคณะกรรมการด้านสุขภาพ

ทุกคนที่แกร็บรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เราคือผู้ยกระดับมาตรฐานการเดินทางที่ปลอดภัย ย้อนไปเมื่อ 6 ปี ที่แล้ว ผู้คนยังต้องต่อรองค่าโดยสารเวลาใช้บริการแท็กซี่หรือบริการมอเตอร์ไซค์ แล้วก็ไม่รู้ว่าคนขับเป็นใครแต่ก็จำเป็นต้องฝากชีวิตไว้กับคนแปลกหน้า

แต่วันนี้ พวกเขารู้ได้ทันทีว่าผู้ขับขี่ที่มารับเป็นใคร ใครมาส่งอาหารและนำเอกสารมาให้ แถมรู้ค่าโดยสารก่อนที่จะขึ้นรถเสียอีก ที่สำคัญ คนที่ห่วงใยของพวกเขาก็สามารถติดตามเส้นทางที่พวกเขาไปได้ตลอดการเดินทาง จวบจนวันนี้

แกร็บจะยังคงก้าวต่อไปไม่หยุดยั้ง  เราตระหนักดีว่ายิ่งธุรกิจของเราขยายและเติบโตเท่าไหร่ ภาระและหน้าที่ของเราในการมอบความปลอดภัยในทุกการเดินทางของพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และทุกคนที่พวกเขารัก ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

ส่วนขยาย

* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี 
  หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง 
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)

สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่