คอยน์ แอสเซท เร่งปรับตัวรับกระแสคริปโต เตรียมเสริมทัพบริการด้วย Crypto ATM เพื่อให้บริการแก่นักลงทุน พร้อมชูจุดเด่น ซื้อง่ายขายคล่อง สะดวก และปลอดภัย พร้อมตั้งเป้าเป็นตลาดแลกเปลี่ยน ที่รู้ใจ นักลงทุนมากที่สุด…

Coin Asset เผยนวัตกรรม Crypto ATM เพื่อสังคมไร้เงินสด

ศิวนัส ยามดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด (Coin Asset) กล่าวว่า ช่วงต้นปี 2561 ที่ผ่านมา กระแสเรื่องของ “สกุลเงินดิจิทัล” หรือ “สกุลเงินที่ถูกเข้ารหัส” (Cryptocurrency) กลายเป็นเรื่อง Talk of the Town ที่ถูกพูดถึงกันมาก

แต่เรา ๆ ท่าน ๆ อาจคุ้นเคย ในชื่อ บิตคอยน์ (Bitcoin) มากกว่า โดยในความจริงแล้ว บิตคอยน์ ก็คือ เหรียญคริปโตเคอเรนซี สกุลหนึ่งเท่านั้น  เพราะปัจจุบันเริ่มมีสกุลเงินมากกว่า แค่ บิตคอยน์ เท่านั้น แต่มีกว่า 1500 สกุล เข้าไปแล้วในปัจจุบัน

แต่ที่เป็นที่รู้จักมากหน่อย ก็คือ Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Bitcoin Cash (BCH) และสกุลเงินดิจิทัลที่กล่าวนี้เอง คือสิ่งที่เข้ามาเขย่าตลาดการเงินทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน และกลายเป็นเทคโนโลยีที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ นั่นก็เพราะความพิเศษของสกุลเงิน คริปโตเคอเรนซี คือการที่ความสามารถในการทำงานบน Decentralized Blockchain เพราะเป็นสกุลที่ไม่อ้างอิงกับสถาบันการเงิน

หรือค่าเงินใด ๆ บนโลกในนี้ เลย ซึ่งหมายความว่าไม่มีสถาบันการเงินใดสามารถควบคุมการทำธุรกรรมได้เพียงผู้เดียว แต่ต้องได้รับการยินยอมจากคนที่อยู่ในระบบ หลายคนจึงเรียกว่าเป็นการ Democratize โดยจะกระจายการเก็บข้อมูลไว้ที่ทุกคน แทนที่จะไว้ที่ส่วนกลาง

และมีการเข้ารหัส และเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปของ bit ที่มีขนาดแน่นอนตายตัว หรือที่เรียกว่า HASH โดยข้อมูลที่ถูกย่อยลงมาจะมีขนาดเท่าๆ กันเสมอตามแต่ละวิธีการย่อย ซึ่งภาษาเทคนิคว่า “Cryptographic Hash Function” หรือ “Message Digest Algorithm”

Crypto ATM
ศิวนัส ยามดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท คอยน์ แอสเซท จำกัด.

ปัจจุบันนี้ วิธีการย่อยก็มีหลากหลาย แต่ที่นิยม ใช้คือ  MD5, SHA-1, SHA-256, MD5, SHA-1 และSHA-256 นั่นเอง  ข้อดีสกุลเงินดิจิทัลทุกสกุลคือ ราคา และมูลค่าของเหรียญจะไม่ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงิน ประเทศ หรือภาวะการเงินของเศรษฐกิจ ใดๆ แต่ราคาและมูลค่าของเหรียญจะขึ้นอยู่กับ

ดีมานซ์ และซัพพลาย กล่าวคือยิ่งจำนวนผู้ที่ต้องการถือครองเหรียญ มีมากขึ้นเท่าไร จำนวนเหรียญที่ขุดมาได้ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด ยิ่งส่งผลให้ราคา และมูลค่าก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ (เหมือนที่ดิน หรือทองคำ) แตกต่างจากเงินธนบัตรตรงที่ เงินธนบัตรจะมีราคาที่ตายตัว ไม่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้

แต่จากการที่สกุลเงิน คริปโตเคอเรนซี ต่าง ๆ นั้นหาได้ยาก และหากไม่มีกระเป๋าเงินดิจิทัล ของสกุลเงินดิจิทัลนั้น ๆ  (Digital Wallet) ซึ่งหากจะใช้ก็ต้องสมัคร Digital Wallet ที่เป็นแอพพลิเคชั่น ที่รองรับ และอาจจะต้องหาด้วยการวิธีการ อาทิ เช่น การรับจ้างเข้าเว็บ แล้วผู้ว่าจ้างจ่ายมาในรูปแบบของ สกุลเงินดิจิทัล

ซึ่งผู้ที่ถือสกุลเงินดิจิทัล สามารถนำไปจับจ่าย และซื้อสินค้าตามเว็ปไซต์ที่รับการชำระด้วยสกุลเงินดิจิทัลนั้น ๆ หรือจะขายเมื่อเห็นว่ามูลค่านั้นเพิ่มถึงจุดที่ผู้ถือครองต้องการแล้ว ซึ่งจากจุดนี้เราได้ มองเห็นโอกาสในการในการสร้างระบบเพื่อรองรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี หรือจะเรียกว่า ดิจิทัล โทเค็น

Crypto ATM

ในอดีตการซื้อขายเงินดิจิทัล ไม่สามารถซื้อง่าย รวมถึงจะขาย และนำเงินออกมาใช้ก็ทำไม่ได้ เราจึงคิดทำเว็บไซต์ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยน (Exchange) ผ่านแค่เพียงบนเว็บไซต์ coinasset.co.th โดยที่ทำหน้าคล้ายตลาดหลักทรัพย์

แต่เราไม่ได้ให้บริการในการซื้อขายหุ้น ที่เปิดให้บริการเพียงตามเวลาทำการ แต่เป็นการซื้อขาย ICO  ที่เป็นตลาดแลกเปลี่ยน ที่รู้ใจ นักลงทุนมากที่สุด และให้บริการ ทุกวันทุกเวลา ไม่มีวันหยุด และการจัดการฝาก ถอน โอน สามารถทำได้รวดเร็วการสมัครการยืนยันตัวตนทำได้

โดยใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ในการยืนยันการทำธุรกรรม อีกทั้งยังสามารถโอนเงินเข้าไปยังบัญชีธนาคารที่เจ้าของบัญชีผูกไว้กับเราได้ ซึ่ง คอยน์ แอสเซท ใช้เวลาในการพัฒนาระบบประมาณ 2 ปี ทั้งหลังบ้าน และหน้าบ้าน  

โดยเรามีทีมงานที่ทำงานแบบ 24 ชั่วโมง 7 วัน  และให้บริการลูกค้าได้ 3 ภาษา เพื่อดูแลในการเก็บรักษาข้อมูล และเก็บรักษาทรัพย์สินลูกค้า โดยทางบริษัทได้ลงทุนในระบบ Data Security ได้รับ ISO 27001/IEC 2013

ซึ่งเป็นมาตราฐานเดียวกันธนาคารชั้นนำทั่วโลกแล้ว อีกทั้งเรายังได้วางระบบข้อมูลทั้งหมดทำงานอยู่บน บล็อกเชน (Blockchain) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ปัจจุบันผู้ใช้บริการบนเว็บไซต์ coinasset.co.th  ของเราสามารถเบิกเงินได้จาก 4 ธนาคาร

ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย โดย คอยน์ แอสเซท ได้เปิดให้บริการมาประมาณ 6-7 เดือน แล้ว โดยตอนที่เราเริ่มพัฒนานั้น เราเป็นเพียงรายเดียวที่พัฒนาระบบที่รองรับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ

อีกทั้งยังสามารถโอยเงินจากเว็บลักษณะเดียวกัน มาที่เราก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งซักพักจึงเริ่มมีผู้ให้บริการรายอื่น ๆ เปิดให้บริการในลักษณะเดียวกับเรา ส่วนอัตราแลกเปลี่ยน การซื้อขาย เงินดิจิทัล นั้น ไม่มีราคากลาง เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ที่รองรับการซื้อขายเงินดิจิทัล ก็จะอยู่ที่ตัวผู้ซื้อ หรือผู้ขาย

เลือกที่จะตั้งราคา แต่ราคาจะไม่แตกต่างกันมาก โดยนับตั้งแต่เปิดให้บริการบนเว็บไซต์ มียอดซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 5 ล้านบาท ต่อวัน

Crypto ATM ตู้แรกที่ช่วยให้ซื้อ-ขาย เงิน คริปโต เป็นเรื่องง่าย ๆ

Crypto ATM

หลังจากที่เราให้บริการมาเราเห็นว่าอุตสาหกรรมนี้กำลังได้รับความนิยม และจะเกิดเงินจำนวนมหาศาลในการซื้อขายแลกเปลี่ยนมากขึ้น จากกลุ่มของนักเล่นหุ้น นักเล่นในตลาดเงิน ตลาดทอง และด้วยการที่สามารถรองรับการซื้อขาย 24 ชม. จะให้เกิดเม็ดเงินไหลเข้ามาเยอะกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมากขึ้น

เราจึงได้พัฒนาตู้ “คริปโต เอทีเอ็ม” (Crypto ATM) เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถในเรื่องของ เหรียญคริปโตเคอเรนซี  สามารถซื้อขายเงินดิจิทัลในสกุล BitCoin (BTC), Ether (ETH), LiteCoin (LTC) เเละ Bitcoin Cash (BCH) รวมถึงสกุลเงินอื่น ๆ ได้ ง่าย ๆ

เพียงแค่เดินมาใช้บริการที่ตู้ของเรา แล้วใช้เงินสดซื้อ เหรียญคริปโตเคอเรนซี สกุลเงินต่าง ๆ ได้ทันที ซึ่งในอดีตอาจะมีตู้คล้าย ๆ กัน แต่ก็เป็นเพียงแค่ 1 ตู้ 1 สกุลเงินดิจิทัล เท่านั้น จุดเด่นของตู้ คริปโต เอทีเอ็ม ของคอยน์ แอสเซท คือสามารถทำธุรกรรม ซื้อขาย ในมูลค่าเริ่มต้นเพียง 100 บาท

ก็สามารถทำได้ผ่านตู้ได้ทันที และให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการให้ผู้ที่สนใจสามารถซื้อ-ขายได้ สะดวก รวดเร็ว และหาซื้อได้ โดยที่ตัวผู้ที่ใช้งานไม่จำเป็นต้องสมัครที่เรา จะมีบัญชีอยู่แล้วที่เว็บไซต์อื่น ก็สามารถมาถอนเงินสดจากตู้ คริปโต เอทีเอ็ม ของเราได้

นับได้ว่าเรากลายเป็นผู้ให้บริการที่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยน แต่กลายเป็นเสมือนธนาคาร ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถโอนเข้า E- Wallet ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตลาดได้ โดยที่ตัวผู้ใช้งาน สามารถนำไปซื้อสินค้า และบริการ ในร้านค้าต่าง ๆ ที่รองรับการชำระด้วย เหรียญคริปโตเคอเรนซี ได้

ในปัจจุบันในประเทศไทยร้านค้าที่รับชำระด้วย เหรียญคริปโตเคอเรนซี เริ่มที่จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปัจจุบันมีมากกว่า 100 ร้านค้า แล้ว แต่อย่างไรก็ดีอาจจะต้องใช้เวลา ให้ผู้ใช้งานได้เรียนรู้การใช้งาน เพราะรูปแบบของการเปิดบัญชี จะแตกต่างกับการไปเปิดบัญชีที่ธนาคารปกติ

ขณะที่เป้าหมายในการวางตำแหน่งของตู้เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งาน ในระยะแรกเรามองไปที่กลุ่มของสถานที่ที่มีการเดินทางของคนจำนวนมาก ๆ อย่าง สนามบิน ก่อน เพราะเป็นที่มีคนเดินทางมาก และเป็นกลุ่มคนที่น่าจะมีการใช้จ่ายเงินในรูปแบบของเงินดิจิทัลมากที่สุด

Crypto ATM

ในเบื้องต้นทาง คอยน์ แอสเซท  ได้ดำเนินการติดต่อกับการท่าอากาศยานไทย แล้ว แต่รออยู่ในระหว่างรอเอกสาร อนุญาติให้เปิดให้บริการจากทาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. ก่อน

โดยมองไปที่สนามบินที่นักท่องเที่ยวชอบเดินทางไป อย่าง สนามบินดอนเมือง, สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินเชียงใหม่ โดยการลงทุนในส่วนของตัวตู้ คริปโต เอทีเอ็ม นั้น คอยน์ แอสเซท  จะเป็นผู้ที่ลงทุนเอง โดยสั่งทำตู้จากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งราคาต่อหนึ่งตู้นั้นอยู่ที่ 4 แสน 5 หมื่น

ขณะที่ในส่วนของระบบภายใน คอยน์ แอสเซท ก็จะเป็นผู้พัฒนาเองทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเช่าสถานที่การท่าอากาศยานไทย เราเองก็จะเป็นผู้จ่าย ส่วนการตั้งสถานที่อื่น ๆ นั้น เรามองไปที่สถานบันเทิง ท่องเที่ยวกลางคืน

นอกจากการให้บริการตลาดกลางซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีแล้ว ในอนาคตทาง คอยน์ แอสเซท มีแผนจะเพิ่มการให้บริการนอกเหนือจากการซื้อขายทำกำไรแต่อย่างเดียว อาทิ การเป็น ICO Portal เป็นต้น

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ศุภวาท (บรรณาธิการและผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่