Eleader April 2015
ด้วยปรัชญาการดำเนินธุรกิจแบบ “Sho Sho Sei” คือ ต้องกะทัดรัด ประหยัดพลังงาน และมีความเที่ยงตรงแม่นยำสูง ที่มาพร้อมกับกลยุทธ์การผลิตที่ให้ความสำคัญต่อการผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลป์เข้าด้วยกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Art and Science of Manufacturing’ เพื่อสร้างความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ผู้ใช้สินค้า
จากจุดเริ่มต้นด้วยการผลิตนาฬิกาขึ้นในโรงเก็บมิโซะ (Miso) เมืองซูวะ (Suwa) ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 70 ปีก่อน ต่อมาในปี 1968 ได้ผลิตเครื่องพิมพ์ Epson รุ่น EP-101 ถือเป็นเครื่องพิมพ์รุ่นแรกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก จากจุดเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ในวันนั้นจนถึงวันนี้ธุรกิจเอปสันเติบโตขึ้น ปัจจุบันมีจำนวนพนักงานกว่า 70,000 คนทั่วโลก มีรายได้และยังมีฐานการผลิตทั้งในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา บราซิล จีน สิงคโปร์ และไทย มีรายได้จบไตรมาส 3 ของปี 2014 ประมาณ 9.7 พันล้านดอลลาร์
ย้อนประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จ
มาซารุ คาตากิริ รองผู้จัดการใหญ่ทั่วไป ฝ่ายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจ บริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กว่าที่เอปสันจะก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกได้ บริษัทยังคงยึดหลักปรัชญาแนวคิดการดำเนินธุรกิจแบบ “Sho Sho Sei” คือ ต้องกะทัดรัด ประหยัดพลังงาน และมีความเที่ยงตรงแม่นยำสูงในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์
เป้าหมายธุรกิจในอนาคต
สำหรับกลุ่มธุรกิจการพิมพ์นั้น เอปสันต้องการจะขยายขอบเขตการพิมพ์ให้มีหลากหลายมากขึ้น อาทิ ป้ายโฆษณา กลุ่มสิ่งทอ ซึ่งปัจจุบันเอปสันได้รุกเข้าไปทำตลาดดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ ในกลุ่มการสื่อสารทางภาพ บริษัทต้องการจะปฏิวัติให้ทุกคนเข้าถึงการใช้ภาพได้ทุกที่ทุกโอกาส โดยจะเห็นได้จากพิพิธภัณฑ์เอปสัน ได้นำเสนอพัฒนาการเทคโนโลยีนวัตกรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่มีความก้าวหน้า
พร้อมชูไทยเป็นศูนย์กลางขยายตลาดอินโดจีน
ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า คาดว่าผลประกอบการปี 2557 จะรับรู้รายได้จากทุกตลาดในภูมิภาคจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17% ในขณะที่ประเทศไทยคาดมีรายได้เพิ่มขึ้น 15% โดยกลุ่มสินค้าที่เติบโตสูงสุด ได้แก่ โปรเจ็กเตอร์ ซึ่งโตถึง 28% เป็นผลมาจากการที่ตลาดหลายเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการศึกษา เอเยนซี่โฆษณา ออร์แกไนเซอร์ ได้ตระหนักถึงข้อได้เปรียบของเทคโนโลยี 3LCD ของเอปสันมากขึ้น เพราะต้องการการนำเสนองานที่มีคุณภาพ ความคุ้มค่าในการลงทุน และบริการหลังการขาย
ขณะที่กลุ่มพรินเตอร์อิงก์เจ็ตมีรายได้เพิ่มขึ้น 25% โดยมีปัจจัยจากการขยายตัวของ L-Series หรือเครื่องแท็งค์แท้ของเอปสัน ซึ่งเติบโตในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2556 ปัจจุบันเอปสันยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดอิงก์เจ็ต พรินเตอร์ในด้านมูลค่าจากทั้งประเภทซิงเกิลฟังก์ชันและมัลติฟังก์ชัน ด้วยสัดส่วน 36%
สำหรับทิศทางธุรกิจของเอปสัน ประเทศไทยในปี 2558 ตั้งเป้าเติบโต 15% จากปีก่อน โดยกำหนดยุทธศาสตร์สำคัญทางธุรกิจไว้ 3 ด้าน ได้แก่ สินค้าที่มีมูลค่า การจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าแบบไร้พรมแดน และการเพิ่มความชื่นชอบให้กับแบรนด์ของเอปสัน โดยในด้านแรก สินค้าของเอปสันจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วยจุดแข็งทางด้านต้นทุน การใช้งานที่ไม่สูง ฟังก์ชันครบถ้วนรองรับงานทุกประเภท และความคงทนใช้งานได้คุ้มค่า