ธนาคารยูโอบี (UOB) ล้ำ เดินหน้าขับเคลื่อนการให้บริการจากนวัตกรรมด้านดิจิทัล ด้วย Hybrid Cloud ผ่าน VMware Cloud บน AWS เป็นรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้…
- ธนาคารยูไนเต็ดโอเวอร์ซีส์ (United Overseas Bank) หรือยูโอบี ธนาคารชั้นนำในเอเชีย เป็นองค์กรแรกในภูมิภาคเอเชี
ยตะวันออกเฉียงใต้ที่พัฒนาโซลู ชั่นระดับองค์กรด้วย VMware Cloud บน Amazon Web Services (AWS) - ธนาคารยูโอบีจะใช้ VMware Cloud บน AWS เพื่อรองรับการสร้างสรรค์นวั
ตกรรมดิจิทัล เพื่อประหยั ดค่าใช้จ่ายสำหรับการโยกย้ ายแอปพลิเคชันสำคัญๆ หรือแม้กระทั่งดาต้าเซ็นเตอร์ทั้ งระบบไปยังแพลตฟอร์มคลาวด์ เทคโนโลยี Software-Defined Data Center ของวีเอ็มแวร์ ให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางนวั ตกรรม และการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่ างรวดเร็ว รวมถึงความสามารถในการ กู้คืนระบบ (Disaster-Recovery-as-a-Service)
UOB Bank ประกาศก้าวสู่บริการชั้นนำผ่าน Hybrid Cloud
มร. อะห์ดูนิค ชัก หัวหน้างานบริการโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า เรามีการพัฒนา รวมถึงปรับใช้การให้บริการ และโซลูชั่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้า ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องสามารถดำเนินงานได้อย่างคล่องตัว
ขณะที่ยังให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยควบคู่กันไป การใช้ VMware Cloud บน AWS ช่วยให้เราสามารถสร้างแพลตฟอร์มบนระบบคลาวด์ พร้อมรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัยได้อย่างสมบูรณ์ เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้โซลูชั่นแบบครบวงจรดังกล่าวเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมของเรา
องค์กรธุรกิจในสิงคโปร์ดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง โดยสิงคโปร์ครองอันดับสองด้านความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัลทั่วโลก (World Digital Competitiveness Ranking) ประจำปี 2561 บริการ VMware Cloud บน AWS ได้ช่วยยกระดับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของสิงคโปร์
เนื่องจากองค์กรธุรกิจปัจจุบันสามารถเข้าถึง Software-Defined Data Center ระดับองค์กรของวีเอ็มแวร์ ซึ่งเชื่อมต่อกับระบบ AWS Cloud โดยใช้สถาปัตยกรรมและการดำเนินการแบบเดียวกัน ด้วย VMware Cloud Foundation ทำให้บริการไฮบริดคลาวด์ตั้งอยู่บนโครงสร้างพื้นฐานที่เสถียร
และง่ายต่อการบริหารจัดการ ครอบคลุมตั้งแต่ดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงระบบคลาวด์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถโยกย้ายไปสู่ระบบคลาวด์ได้อย่างไม่มีสะดุด ปรับขนาดได้ตามต้องการ และสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ๆ เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต
ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างวีเอ็มแวร์และ AWS โดยสอดคล้องตามข้อกำหนดด้านการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดของธนาคารยูโอบี ช่วยให้มั่นใจว่าแอปพลิเคชันที่ติดตั้งในสภาพแวดล้อมนี้จะได้รับการปกป้องอย่างสมบูรณ์ในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ พร้อมการเข้าถึงบริการที่หลากหลายของ AWS
นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายและความพยายามที่ต้องใช้ในการโยกย้ายแอปพลิเคชันไปยังระบบคลาวด์ ด้วยการนำเสนอโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินงานที่สอดคล้องกับดาต้าเซ็นเตอร์ของลูกค้า รวมถึงขยายเครื่องมือ กระบวนการ และแนวทางปฏิบัติ เพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด
“ธนาคารยูโอบีเป็นลูกค้าระดับโลกที่ทำการโยกย้ายเวิร์กโหลดบนแพลตฟอร์มของวีเอ็มแวร์ไปยังระบบคลาวด์ เรามีความมั่นใจและความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัลของธนาคารยูโอบี”
ด้าน มร. ซานเจย์ เค เดซมุขฮ์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเกาหลี (SEAK) บริษัทวีเอ็มแวร์ กล่าวว่า บริการ VMware Cloud บน AWS นับเป็นวิธีที่รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับการโยกย้ายแอปพลิเคชันสำคัญ ๆ
หรือแม้กระทั่งดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งระบบไปยังแพลตฟอร์มคลาวด์ เทคโนโลยี Software-Defined Data Center ของวีเอ็มแวร์ พร้อมความยืดหยุ่น และระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานและการบริการของ AWS นับเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมสำหรับแอปพลิเคชันที่ทันสมัย
โดยพัฒนาการล่าสุดสำหรับการให้บริ
เพื่อรองรับการทำงานอย่างต่อเนื่องของแอปพลิเคชันสำคัญ ๆ รวมถึงเวิร์กโหลดที่เป็นวงจร และแอปพลิเคชันรุ่นอนาคต และทำให้ระบบต่าง ๆ สามารถรองรับการโยกย้ายสู่ระบบคลาวด์
ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถโยกย้
ข้อมูลเพิ่มเติม
- แผนการพัฒนา VMware Cloud บน AWS ฉบับล่าสุด
- ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VMware Cloud บน AWS
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการและผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่