Open Source

ยิ่งธุรกิจเติบโตยิ่งจำเป็นต้อใช้เทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ นั้นถูกเชื่อมโยงด้วยนวัตกรรมโซลูชั่นแบบเปิด (Open Source) จึงเป็นที่มาของคำถามว่าการใช้โอเพ่นซอร์สนั้นดีต่อธุรกิจจริงหรือไม่

highlight

  • การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาทางเทคโนโลยีจากอดีตถึงปัจจุบันตามมุมมองของจิม
  • การที่เราต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อข้อจำกัดต่างๆ รวมถึงการพัฒนาและความก้าวหน้าที่เป็นผลมาจากการเรียนรู้และต่อยอดจากผู้บุกเบิก โดยไม่หยุดที่จะคอยหมั่นตั้งคำถามและแสวงหาคำตอบใหม่ๆ
  • ทำไมเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สจึงกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่และจะกลายเป็นปรากฏการณ์และแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

Open Source เพิ่มขีดความสามารถขององค์กรได้อย่างไร

เราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างต่อเนื่องรอบๆ ตัวเรา ซึ่งดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าในอดีต เมื่อมองย้อนกลับไปถึงภาพรวมต่างๆ ทำให้ตระหนักว่าเราได้ติดตามวิวัฒนาการของการทำงานของผู้คนมาโดยตลอด

เช่น เมื่อสามปีก่อน ผมได้ให้ความสำคัญกับพลังแห่งความร่วมมือ (Power of Participation) ที่ผู้คนสามารถทำงานร่วมกันในวิธีเปิดเผย โปร่งใส ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้ดียิ่งขึ้น และ 2 ปีก่อน เราได้เห็นแล้วว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อบุคคล (Impact of the Individual) 

ที่การทำงานร่วมกันในรูปแบบโอเพ่นซอร์ส นั้น เปรียบเสมือนกีฬาที่ผู้เล่นทุกคนต้องมีความกระตือรือร้น และสามารถเป็นผู้เริ่มเกมส์ได้ และล่าสุดในปีที่ผ่านมาเร้ดแฮทได้เผยผลสำรวจถึงความจำเป็นที่พวกเราทุกคนต้องปรับมุมมองในการทำงานใหม่ให้เท่าทันต่อยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจสูง

ในวันนี้ตระหนักว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่อีกขั้นของการเปลี่ยนแปลง หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น แรงขับเคลื่อนทางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่จะสามารถขยายขอบเขตความเป็นไปได้ในสังคม เพื่อการเติบโต และความก้าวหน้าในอนาคต แต่ก่อนที่เราจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างเต็มภาคภูมิ

เราอาจต้องมองย้อนกลับไปเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้คนในยุคที่ผ่านมาต่างมีวิถีในการดำเนินงาน และใช้ชีวิตแตกต่างจากเราในยุคนี้เป็นอย่างมาก และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พื้นฐานในการเปลี่ยนกรอบความคิด และการดำเนินงานจะสามารถส่งผลกระทบต่อการพัฒนาครั้งใหญ่ในสังคม

Open Source

ปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อข้อจำกัดต่างๆ

เมื่อ 500 ปีก่อน ก่อนที่เราจะเชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์ ความเป็นเหตุเป็นผล กระบวนการ และวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ เราไม่สามารถตั้งคำถามหรือถกเถียงถึงความเป็นไปในโลกนี้ได้ ต่อมา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ทำให้เราได้รับข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้มากขึ้น

วิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้ถือกำเนิดขึ้นโดยบุคคลที่หมั่นใฝ่หาความรู้อย่างไร้ขอบเขต กาลิเลโอ ผู้ริเริ่มที่กล้าหาญ ได้ตั้งข้อกังขาในสิ่งที่เขาได้รับการพร่ำสอนเกี่ยวกับสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ แม้ว่าข้อสงสัยและคำถามเหล่านั้นจะทำให้เขาต้องถูกกักขังหรือจบชีวิตลงก็ตาม

ยิ่งผู้คนตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งพี่พวกเขาเห็นมากเท่าใด คำถามเหล่านั้นก็จะยิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผลลัพธ์คือ เราจะสามารถเปลี่ยนจากโลกที่เราเคยเชื่อในคำบอกกล่าวของผู้มีคุณวุฒิสูงกว่า ไปยังโลกของคำตอบที่อยู่บนพื้นฐานของการสำรวจ และทดลอง

วันนี้หัวใจหลักของวิธีการทางวิทยาศาสตร์คือความสงสัยในความเป็นไปของโลกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็คือการตั้งคำถามว่าเหตุใดสิ่งต่าง ๆ ถึงเป็นเช่นนั้น และเรียนรู้จากประสบการณ์ผ่านการทดลองและข้อผิดพลาดต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้คือการเปลี่ยนแปลงจากการใช้เหตุผล

แบบนิรนัยมาสู่การใช้เหตุผลแบบอุปนัย จากการเรียนรู้แบบบนสู่ล่างมาเป็นการเรียนรู้จากล่างขึ้นบน ซึ่งจะขยายขอบเขตอิสรภาพทางความคิด และความเป็นไปได้ และอยู่เหนือขีดจำกัดที่ผู้มีคุณวุฒิสูงกว่าจะสามารถกำหนดกฏเกณฑ์ได้

Open Source

ผลกระทบต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา

การนำวิธีการทางการทดลองดังกล่าวมาใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงความเข้าใจของเราต่อแทบทุกสิ่งที่เรากระทำ และมองเห็นอยู่ รวมไปถึงวิธีการคิดที่จะสามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางนวัตกรรม และความก้าวหน้าล้ำสมัยของโลก

หากย้อนไปเมื่อครั้งที่เราตระหนักรู้ว่าโลกไม่ใช่จุดศูนย์กลางของจักรวาล เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เราก้าวเข้าสู่ยุคเรืองปัญญา (Age of Enlightenment) ซึ่งก่อให้เกิดพลังทางความคิดรูปแบบใหม่ เช่น เสรีภาพส่วนบุคคล การปกครองรูปแบบรัฐธรรมนูญ และการยอมรับความแตกต่างทางศาสนา

นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหารูปแบบใหม่ของนักประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีสำคัญ เช่น เครื่องจักรไอน้ำ โทรเลข และกระบวนการ Bessemer ในการผลิตเหล็ก นำเราเข้าสู่การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม(The Industrial Revolution)รวมถึงการเรียนรู้ทฤษฎีกายวิภาค

ตั้งแต่ทฤษฎีเล็ก ๆ ด้านเชื้อโรคไปจนถึงการผ่าตัดขั้นสูง ที่ขับเคลื่อนการปฏิวัติทางการแพทย์ (Medical Revolution) และสามารถพลิกโฉมความเข้าใจพื้นฐานแบบเดิมของโรคภัยและร่างกายมนุษย์ได้การพัฒนา และความก้าวหน้าเหล่านี้เป็นผลมาจากการเรียนรู้และต่อยอดจากผู้บุกเบิก โดยไม่หยุดที่จะคอยหมั่นตั้งคำถาม และแสวงหาคำตอบใหม่ ๆ

เช่นเดียวกัน และนี่คือเหตุผลที่ทำไมเราถึงสามารถพัฒนาสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัย และสามารถปลดล็อคศักยภาพของนักพัฒนาและองค์กรต่างๆ ให้อยู่เหนือกฏเกณฑ์ทางการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ดังเช่นที่ผู้บุกเบิกทั้งหลายได้กล่าวไว้ เราไม่ได้เดินบนเส้นทางนี้เพียงลำพัง ผู้บุกเบิก และชุมชนของโอเพ่นซอร์สนับพันได้ส่ง

เสริม และผลักดันโอเพ่นซอร์สไปสู่อีกระดับเหนือขีดจำกัด โอเพ่นซอร์สเป็นมากกว่าแค่วิธีการในการสร้างซอฟต์แวร์ แต่ยังสามารถขยายขอบเขตทางปรัชญา และความเชื่อได้ เทคโนโลยีโอเพ่นซอร์ส และวิถีแห่งโอเพ่นซอร์สได้ร่วมกันต่อยอดทางความคิดอย่างไร้ขีดจำกัด และเปิดโลกทรรศน์ใหม่สู่ความเป็นไปได้ที่ไร้ขอบเขต

 

Open Source

ปรากฏการณ์ทางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ด้วยการดำเนินงานแบบวิถีแห่งโอเพ่นซอร์ส ชุมชนของเราได้สร้างความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมากมาย เช่น Linux ที่ช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ชุมชนของเรายังได้พลิกโฉมวิธีการที่เรามีปฏิสัมพันธ์ สื่อสาร และแก้ไขปัญหาร่วมกัน

โอเพ่นซอร์สได้กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ของการคิดค้นนวัตกรรมที่สามารถสร้างผลกระทบได้อย่างแท้จริง ปัจจุบัน ผู้คนมากมายต่างรับรู้ถึงศักยภาพของโอเพ่นซอร์สในการช่วยให้การดำเนินงานดีขึ้น รวมไปถึงโอเพ่นซอร์สในแง่ของการพลิกโฉมการมีปฏิสัมพันธ์ การสื่อสาร และการแก้ปัญหาร่วมกัน

ก็กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งธุรกิจ ภาครัฐ และองค์กรไม่แสวงผลกำไรทั่วโลกต่างก็นำเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สมาปรับใช้ ซึ่งเชื่อว่าโอเพ่นซอร์สได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ และกำลังจะกลายเป็นปรากฏการณ์ทางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ดังจะเห็นได้จากคำถามมากมายในปัจจุบัน

เช่น เราสามารถคิดค้นและสร้างศักยภาพด้วยเทคโนโลยีให้เป็นจริงได้อย่างไร เราจะสร้างสรรค์ และดำเนินการสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร ทั้งในรายบุคคล เป็นทีม ในองค์กร และที่สำคัญ ในสังคมวงกว้าง

แม้ว่าในวันนี้ เราอาจจะยังไม่ทราบคำตอบที่แน่ชัดของคำถามเหล่านี้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการทดลองและความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน เราจะยังคงผลักดันการดำเนินงานเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบที่เรามุ่งหวัง และด้วยความหมั่นใฝ่รู้และต่อยอดคำถาม เราจะสามารถขยายขอบเขตความเป็นไปได้ให้กว้างมากยิ่งขึ้นเพื่อวันนี้ และอนาคต

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com
**** ขอขอบคุณข้อมูลจาก จิม ไวท์เฮิร์ท ประธาน และซีอีโอของ เร้ดแฮท

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่