ลองนึกย้อนไปถึงรูปแบบหรือวิธีการทำงานของคุณเองเมื่อ 5 ปีก่อน แล้วนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน คุณจะมองเห็นความแตกต่างอยู่ไม่น้อย
โดยส่วนใหญ่แล้ว ความเปลี่ยนแปลงในวิถีทางการทำงานนี้เป็นผลมาจากเทคโนโลยีใหญ่ๆ ระดับ “เมกะเทรนด์” 4 กลุ่มที่เป็นคำคุ้นหูของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Cloud, Mobile, Big Data และ Social
หากพูดถึงเรื่องการนำมาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจแล้ว คงต้องบอกว่า Big Data หรือที่บางคนเรียกกันว่า
อภิมหาข้อมูล เป็นเมกะเทรนด์ที่มีศักยภาพสูงสุดในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจของคุณ พูดได้ว่าเทคโนโลยีCloud Mobile และ Social ทำให้คุณทำในสิ่งที่ทำอยู่แล้วได้ดีขึ้น แต่ Big Data นั้น อาจทำให้องค์กรของคุณมองเห็นโอกาสใหม่ๆ ได้มากมายมหาศาล จากข้อมูลที่พบได้ในทุกสิ่งรอบตัวของคุณ
หนึ่งในเรื่องราวความสำเร็จที่ทีมงานของ HBR ได้ยกมาเป็นไฮไลท์ คือ บริษัทประกันภัยรถยนต์สัญชาติอเมริกันอย่าง Progressive Insurance ที่นำเทคโนโลยี Big Data และ Mobile มาคลุกเคล้ากันจนเกิดเป็น “Snapshot” อุปกรณ์ไฮเทคที่เก็บข้อมูลการขับขี่จากระบบคอมพิวเตอร์ของตัวรถ ก่อนจะส่งข้อมูลนี้กลับมาที่ระบบฐานข้อมูลของบริษัท เพื่อนำไปวิเคราะห์และพิจารณาให้ส่วนลดเบี้ยประกันกับลูกค้าที่ขับรถอย่างปลอดภัยและมีวินัย
อุปกรณ์ Snapshot นี้ได้ส่งข้อมูลรวมแล้วถึง 178 เทราไบต์กลับมายังฐานข้อมูลของบริษัท เพื่อนำมาพิจารณาประกอบกับข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าที่มีอยู่แล้วแต่เดิม และด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลความเร็วสูงในโซลูชั่นฐานข้อมูล SQL Server จากไมโครซอฟท์ ทำให้โปรเกรสซีฟสามารถเปิดตลาดใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ที่คิดเบี้ยประกันตามการขับขี่จริง โดยที่ยังคงรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์
ส่วนหน่วยงานภาครัฐ อย่าง เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน หรือรัฐบาลท้องถิ่นในกรุงไทเปของไต้หวัน ได้เลือกนำเทคโนโลยี Big Data และ Cloud จากไมโครซอฟท์ มาพัฒนาเป็นรากฐานของระบบ “สมาร์ท ซิตี้” หรือเมืองอัจฉริยะ ที่สามารถรวบรวม ประมวลผล และนำเสนอข้อมูลด้านต่างๆ ของตัวเมืองได้อย่างรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในด้านการจราจร เศรษฐกิจ คุณภาพการบริการของรัฐ หรือแม้แต่ความเห็นของประชาชนในกรณีข้อขัดแย้งต่างๆ หรือวงการบันเทิง ค่ายเพลงระดับโลกอย่าง อีเอ็มไอ มิวสิค และ 343 อินดัสทรีส์ ผู้พัฒนาเกมชื่อก้องโลกในตระกูล “Halo” ได้ใช้ big data เพื่อประเมินเสียงตอบรับของลูกค้า หรือปรับแต่งคอนเทนท์ให้ตรงกับความสนใจของแฟนๆ ได้อย่างทั่วถึง
องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการใช้งานเทคโนโลยี Big Data จำเป็นที่จะต้องมีแนวคิดหรือวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและมองเห็นคุณค่าของข้อมูลในทุกแง่มุม โดยศาสตราจารย์ โดนัลด์ มาร์แชนด์ แห่งสถาบันพัฒนาการจัดการนานาชาติ (International Institute for Management Development – IMD) ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า “ธุรกิจจะใช้งานข้อมูลข่าวสารได้คุ้มค่าที่สุด ก็ต่อเมื่อจัดการกับ ‘ข่าวร้าย’ เหมือนกับ ‘ข่าวดี’ เพราะข่าวร้ายเป็นตัวบอกให้รู้ว่าธุรกิจของคุณมีจุดบกพร่องหรือช่องว่างอยู่ตรงไหนบ้าง ก่อนที่จะฉวยโอกาสนี้เพื่อแก้ไขสถานการณ์ โดยคิดไว้ในใจอยู่เสมอว่าวิธีคิดแบบเก่าที่เคยใช้ อาจจะใช้ไม่ได้ผลหรือไม่คุ้มค่าพอเมื่อเทียบกับการลองทำอะไรจากมุมมองใหม่ๆ ด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลที่อยู่ในมือของเรา”
แน่นอนว่าการทำตามคำแนะนำนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย องค์กรหลายแห่งในปัจจุบันเข้าใจถึงความสำคัญของการใช้ Big Data ได้เป็นอย่างดี แต่กลับพบปัญหาในด้านการสรรหาบุคลากรที่เหมาะสม หรือการส่งเสริมให้ทุกหน่วยงานในองค์กรมีแนวคิดด้านนวัตกรรมในการประยุกต์ใช้ข้อมูลที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ทุกองค์กรยังต้องมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีในกลุ่มเมกะเทรนด์นี้ในหลายทิศทางควบคู่กันไป เพื่อผสมผสานให้เกิดโซลูชั่นที่สดใหม่และมีศักยภาพสูง
อย่างเช่นที่ ศ. มาร์แชนด์ สรุปไว้ว่า “ไม่ว่าจะล้ำยุคขนาดไหน เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกระดับธุรกิจของคุณได้ทันที องค์กรที่ต้องการจะพลิกโฉมธุรกิจของตัวเองจะต้องปรับเปลี่ยนวิถีทางการทำงานในทุกระดับให้มุ่งเน้นนวัตกรรม เพื่อใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เต็มประสิทธิภาพ”
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราว บิ๊กๆ ของ Big Data ได้ ที่นี่ และ ที่นี่
สำหรับองค์กรที่สนใจนำ Big Data มาใช้ในองค์กร สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณสุชาลักษณ์ สรณานุสรณ์ โทรศัพท์ 02-257-4999