เปิดฉากภารกิจการทำงานแรกของ ซีอีโอใหม่ ดีแทค ‘ลาร์ส โอเคะ นอร์ลิ่ง’ ที่เข้ามารับไม้ต่อจาก “ซิคเว้ เบรกเก้” ซึ่งได้ก้าวขึ้นไปดำรงตำแหน่ง CEO เทเลนอร์ กรุ๊ป พร้อมปรับพอร์ตการลงทุนใหม่เพิ่มเม็ดเงิน 20,000 ล้านบาท

โจทย์ใหญ่ที่แม่ทัพใหม่ “ลาร์ส โอเคะ นอร์ลิ่ง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กำลังเผชิญอยู่ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งเพียงไม่กี่เดือนคือ การหาทีมการตลาดใหม่ เพื่อทดแทนทีมการตลาดเก่าที่ประกาศลาออกยกทีม

ล่าสุด ซีอีโอใหม่ ดีแทค ได้ประกาศแผนกู้ดีแทคด้วย 4 กลยุทธ์ใหม่ ประกอบ 1.การพัฒนาโครงข่าย (Network) ด้วยการเพิ่มการลงทุนจาก 14,000 ล้านบาท เป็น 20,000 ล้านบาทสำหรับการขยายโครงข่าย 3G และ 4G  เพื่อให้ครอบคลุม 95% ของประชากรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา 2.ปรับกลยุทธ์ด้านการขาย เน้นเจาะตลาดภูมิภาคมากขึ้น ด้วยการแต่งตั้ง “มินิซีอีโอ” คุม 5 ภูมิภาคของประเทศไทย

เดินหน้าประมูลคลื่น 4G
ลาร์ส กล่าวอีกว่า จากการประเมินตลาดในประเทศไทย พบว่า กำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงของตลาดโทรคมนาคมครั้งใหญ่ โดยในเวลาอันใกล้นี้ ประเทศไทยต้องพร้อมวางโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาความเร็วสูง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทั้งประเทศ (Internet for All) และเพื่อนำบริการดิจิทัลที่หลากหลาย และซับซ้อนไปให้ถึงกลุ่มคนใช้งานใหม่ๆ จากสถิติ Thailand Social media Landscape, Marketing Oops พบว่า กลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งเป็นคนในช่วงวัย 18-34 ปี เป็นกลุ่มคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงที่สุด และกิจกรรมที่คนไทยชื่นชอบมากที่สุดในการใช้โซเชียลมีเดียคือ การอัพโหลดรูปภาพซึ่งมีปริมาณมากที่สุดในโลกถึง 495.5 ล้านรูปในปีที่แล้ว และ 85% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทย ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 35 ล้านราย มีพฤติกรรมชอบดูวิดีโอผ่านแอพพลิเคชันยูทิวบ์และชมวิดีโอสตรีมมิ่ง

ดีแทคมองไปข้างหน้าว่า การนำคลื่นความถี่ที่ยังไม่ได้ใช้ เช่น คลื่น 1800, 850 และ 2,600 MHz มาร่วมประมูลในอนาคต จะสร้างความเชื่อมั่นต่อคุณภาพและพื้นที่การให้บริการ 4G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จากรายงานของ GSMA เรื่อง Building Thailand’s Digital Economy and Society 2015 ระบุว่า จะมีจำนวนผู้ใช้งาน 4G สูงถึง  13.8 ล้านคน ในปี 2562 และอัตราการเข้าถึง  mobile broadband จะพุ่งสูงจาก 55% เมื่อปี  2556 ไปเป็น 133% ในปี 2563 จะช่วยเพิ่ม GDP ของประเทศมากขึ้นอีก 7.3 แสนล้านบาท ถือเป็นโอกาสของประเทศไทย