อีเอ็มซี ประกาศวิสัยทัศน์องค์กร หลังปรับกลยุทธ์สู่การเป็นบริษัทซอฟต์แวร์นำฮาร์ดแวร์ พร้อมเปิดตัวทัพผลิตภัณฑ์ใหม่ หวังช่วยองค์กรของลูกค้าในการปรับโฉมดาต้าเซ็นเตอร์และธุรกิจ ด้วยนวัตกรรมสตอเรจใหม่ระบบไฮเปอร์คอนเวอร์จ และแพลตฟอร์มดาต้าเซอร์วิส ที่สามารถบริหารการบริการของระบบจัดเก็บข้อมูล (Storage-as-a-Service) พร้อมซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สแรกของอีเอ็มซี สำหรับการทำซอฟต์แวร์ ดีฟาย สตอเรจ
นฐกร พจนสัจ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานของอีเอ็มซี หลังจากนี้จะเน้นไปที่กลุ่มซอฟต์แวร์ และบริการสำหรับบริหารจัดการข้อมูลภายในองค์กร ซึ่งจะมีอัตราการเติบโตมากขึ้น ขณะที่กลุ่มฮาร์ดแวร์จะลดบทบาทลง แต่ก็ยังเน้นเป็นอุปกรณ์รองรับการเติบโตของข้อมูลเช่นเดิม
“อีเอ็มซี มุ่งนำเสนอความคุ้มค่าของเทคโนโลยี ช่วยลดการลงทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่เหล่าซีไอโอกำลังเผชิญ คือต้องการลดค่าใช้จ่ายในการบริหารทรัพยากรไอทีที่มีอยู่ โดยรักษาคุณภาพของบริการไว้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็ต้องใช้งบประมาณที่ประหยัดไปได้นั้นในการเลือกสรรแอพพลิเคชันใหม่ที่แตกต่าง และปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ของอีเอ็มซี สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าว” นฐกร กล่าว
อีเอ็มซีช่วยให้งานไอทีกลายเป็นเรื่องง่าย
สุรักษ์ ธรรมรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยี อีเอ็มซี กล่าวเสริมว่า กลุ่มเอ็นเตอร์ไพรซ์ถูกกดดันให้ปรับเปลี่ยนระบบไอทีกับเทคโนโลยีใหม่เพื่อไปสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์มมากขึ้น ดังนั้น อีเอ็มซีได้พัฒนาแพลตฟอร์มและโซลูชันเวอร์ชันใหม่เพื่อรองรับการใช้งานดังกล่าว ได้แก่ EMC® XtremIO™, EMC VMAX3™, VCE®, EMC VNX®, EMC Data Domain® และ EMC Data Protection Suite™ โดยจะพ่วงซอฟต์แวร์เข้าไปด้วย เพื่อช่วยเหลือลูกค้าพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ให้มีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ ตลอดจนสามารถใช้งานแอพพลิเคชัน และเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา
สำหรับเวอร์ชันอัพเดตของ XtremIO สตอเรจแบบออล-แฟลช อาเรย์ ที่มาพร้อมกับ VMAX3 ถือเป็นแพลตฟอร์มดาต้าเซอร์วิสสำหรับองค์กรธุรกิจ ที่สามารถทำงานได้แบบอัตโนมัติ บริหารจัดการข้อมูลได้รวดเร็ว เพราะโซลูชันทั้งสองยังออกแบบมาเพื่อลดความยุ่งยากในการบริหารทรัพยากรไอที ไม่ว่าจะเป็นการย่นระยะเวลาในการปฏิบัติงานทั่วไปจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที หรือช่วยตัดขั้นตอนบางอย่างไปได้เลยทีเดียว
อีเอ็มซีเบิกทางสู่ไฮบริดคลาวด์
และหนึ่งในเป้าหมายหลักของอีเอ็มซีคือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกกลุ่มให้มีศักยภาพด้านคลาวด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากพับลิก ไพรเวท และไฮบริดคลาวด์ ในการจัดทำสตอเรจที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยในราคาที่คุ้มค่า ในปีนี้ อีเอ็มซีได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ EMC CloudBoost™ และ EMC CloudArray® โดยเทคโนโลยี CloudArray เพื่อช่วยย้ายข้อมูลในแพลตฟอร์ม VMAX3 ไปสู่คลาวด์หรือสตอเรจแบบออบเจ็กต์เบสท์ ซึ่งถือเป็นการย้ายดาต้าไปยังสตอเรจที่มีราคาต่อกิกะไบต์ที่ต่ำ และจะช่วยลดต้นทุนโดยรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO)
ปกป้องข้อมูลทุกส่วนในสตอเรจ
ทั้งนี้เมื่อองค์กรต่างๆ หันมาใช้และพัฒนาแอพพลิเคชันในยุคใหม่บนคลาวด์กันมากขึ้น ธุรกิจเหล่านั้นจึงประสบกับปัญหาหลายประการในการปกป้องข้อมูลขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ซึ่งทุกๆ ส่วนของธุรกิจเชื่อมต่อถึงกันตลอดเวลา (Hyper-extended Enterprise) อีเอ็มซี จึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมในการปกป้องข้อมูลในทุกๆ ส่วนของสตอเรจอย่างต่อเนื่อง
CloudBoost ซอฟต์แวร์ใหม่ ซึ่งช่วยให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ Data Protection Suite มีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับคลาวด์ โดยสามารถปกป้องข้อมูลได้ทั้งในคลาวด์ของอีเอ็มซีและแบรนด์อื่น รวมถึงพัฒนาให้ซอฟต์แวร์ Spanning® by EMC มีศักยภาพในการปกป้องข้อมูลใน Office365 ด้วย และฟีเจอร์สำหรับค้นหาข้อมูลที่แบ็กอัพอยู่ในทุกส่วนของสตอเรจ (universal search) ที่ควบคุมโดย Data Protection Suite และฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากในกลุ่ม EMC
โครงการ CoprHD สนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์
ในปัจจุบัน องค์กรธุรกิจได้หันมาให้ความสำคัญกับการวางกลยุทธ์เกี่ยวกับซอฟต์แวร์แบบโอเพ่นซอร์สมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะนำมาช่วยในการควบคุมธุรกิจของตน หรือการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อก้าวให้ทันตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะซอฟต์แวร์แบบโอเพ่นซอร์ส และแนวทางการพัฒนาแบบเปิดกว้าง ทำให้องค์กรไม่ต้องพบกับปัญหาในการล็อกอินเข้าใช้แพลตฟอร์มต่างๆ สามารถเข้าร่วมพัฒนา และปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้เหมาะกับความต้องการของตนได้ อีกทั้งยังได้มีโอกาสร่วมงานกับกลุ่มนักพัฒนาที่มีความสนใจตรงกัน ในขณะที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อการพาณิชย์ก็สามารถร่วมมือกับเพื่อนๆ ในวงการ และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่คำนึงถึงผู้ใช้ และอยู่บนแพลตฟอร์มที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันได้อย่างแท้จริง
โซลูชันดังกล่าวนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดทำแอพพลิเคชันสำหรับแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 (Third Platform) ซึ่งต้องการสถาปัตยกรรมสตอเรจแบบเน็กซ์เจน ที่สามารถสเกลการใช้งานได้ และทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันได้หลากหลายได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น