เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวเนื่องในทุกสิ่ง ทำให้เกิดความสงสัยว่า ก้าวเดินต่อไปของการใช้ชีวิตในอนาคตจะเป็นเช่นไร ซึ่งหากต้องการที่ก้าวสู่การเป็นเมืองที่สมาร์ท และสามารถใช้ประโยชน์ได้จากเทคโนโลยีเพื่อก้าวสู่การเป็น Smart Cities อย่างแท้จริงควรเริ่มอย่างไร…
มร.คีท รอสคาเรล ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยสาธารณะ และเมืองอัจจริยะ ประจำภูมิภาคอาเซียน แปซิฟิก บริษัท ฮิตชิ ดาต้า ซิสเต็ม พีทีอี ลิมิเต็ด กล่าวว่า ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า นี้เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคอาเซียน และเอเซียแปซิฟิก จากการเข้ามาลงทุนของบริษัทข้ามชาติ
เนื่องจากภูมิภาคเอเซียนั้นเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพเติบโตมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งเขตพื้นที่เมือง จำนวนประชากร ทำให้เกิดการเศรษฐกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรื่องดังกล่าวจึงมาเป็นที่มาของคำถามว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ขึ้นแล้ว
ประเทศต่างในภูมิภาคนี้มีความพร้อมแค่ไหนในการก้าวสู่การเป็นเมืองอัจริยะ (Smart City) เพื่อรองรับการเติบโต และเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้
Smart Cities เกิดได้แต่ต้องเชื่อมโยง และใช้งานได้จริง
แม้ว่าในปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลง และความสำคัญของเมืองอัจริยะ (Smart City) และได้มีการลงทุนวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเตรียมความพร้อมทั้งในด้าน สาธารณูปโภค เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต รวมถึงศึกษาแนวทางการใช้งานในเรื่องของ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆมาใช้ประโยชน์
แต่ในความเป็นจริงในการใช้ประโยชน์ยังมีน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เป็นเช่นนี้นั้นเกิดจาก แต่ล่ะเมืองมีการใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกัน จากหลายปัจจัยทั้งแหล่งเงินทุน ความจำเป็น และความพร้อมทางด้านบุคลากร ทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างเป็นระบบ
อีกทั้งยังขาดเครื่องมือในการวิเคราะห์ในแบบเรียลไทม์ เพื่อจะนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้สูงสุด อย่างไรก็ดีการเริ่มสร้างเมืองอัจจริยะสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเรื่องของความปลอดภัย เพราะเป็นสิ่งที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ทำให้เกิดเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยยกระดับให้เกิดเมืองอัจริยะที่เติบไปด้วยความปลอดภัยคือการใช้ประโยชน์กล้องวงจรปิด (CCTV) และระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) ในการบริหารจัดการทุกอย่างของเมือง อาทิ พลังงาน การจราจร การรักษาความปลอดภัย ทั้งในที่สาธรณะ บริหารจัดพรมแดน ป้องกันภัยธรรมชาติ รวมไปถึงภัยก่อการร้าย เป็นต้น
ที่ผ่านมา ฮิตาชิ ฯ ได้เร่งพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเพื่อให้พร้อมสำหรับความต้องการของโลกอนาคต โดยเราได้พัฒนาเทคโนโลยี Hitachi Visualization Suite (HVS) ขึ้นโดยเป็นซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มที่ทำงานได้บนระบบไฮบริดคลาวด์ สามารถผสานรวมข้อมูลทั่วไป และข้อมูลจากวิดีโอหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ (Internet of Things)
จากระบบความปลอดภัยสาธารณะที่แยกออกจากกันของแต่ละหน่วยงานเข้าไว้ด้วยกัน และข้อมูลที่ได้จะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อแสดงผล ซึ่งจะช่วยให้องค์กรภาครัฐและเอกชนได้รับข้อมูลและเข้าใจในสถานการณ์จากข้อมูลเชิงลึก ทำให้สามารถวางแผนจัดการได้อย่างดีเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน
อาทิ หน่วยจัดส่งความช่วยเหลือ 911 ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์, ตัวอ่านป้ายทะเบียน, เซ็นเซอร์กระสุนปืน ฯลฯ ในแบบเรียลไทม์ และนำเสนอให้ภาพข้อมูลในรูปแบบภูมิสารสนเทศเชิงพื้นที่ HVS จะช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญสำหรับใช้ในการเสริมความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน
ยกระดับความสามารถด้านการสืบสวนสอบสวน และเพิ่มประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติการต่าง ๆ พร้อมด้วยคุณสมบัติของการบันทึกข้อมูลเหตุการณ์แบบเรียลไทม์จากเซ็นเซอร์
ดร. มารุต มณีสถิตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย และพม่า บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยเองทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็มีความต้องการสร้าง Smart City ให้เกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ทั้งในแง่ความมั่นคง ความปลอดภัย และประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้มีนโยบายประเทศไทย 4.0
เข้ามาผลักดันในเรื่องความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ส่งผลในทั้งภาครัฐและเอกชนหลายแห่งมีการลงทุนเพื่อวางระบบต่าง ๆ เพื่อรองรับการเกิดขึ้นของ Smart Cities ในอนาคต และสามารถใช้ประโยชน์จาก Big Data ที่เกิดขึ้นได้อย่างเต็มศักยภาพ
โดยเทคโนโลยีสำหรับการสร้าง Smart Cities ของฮิตาชิ ฯ อย่าง HVS สามารถแสดงภาพข้อมูลภูมิสารสนเทศเชิงพื้นที่เกี่ยวกับข้อมูลอาชญากรรมที่ผ่านมาในอดีตหลากหลายรูปแบบ ซึ่งครอบคลุมถึงเขตพื้นที่ความเสี่ยงอาชญากรรม (Heat Map) ด้วย HVS เป็นแพลตฟอร์มที่มีความสามารถในการปรับขนาดได้อย่างเต็มที่ซึ่งจะช่วยให้องค์กรภาครัฐและเอกชน
สามารถในการรวบรวมเหตุการณ์จำลองหลายร้อยรายการสำหรับการสร้างภาพและการเฝ้าติดตามเชิงพื้นที่ HVS ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการบูรณาการและรวมจุดต่าง ๆ ที่ใช้โดยเมืององค์กรและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยสาธารณะ จากการที่ HVS มีมุมมองแบบแผนที่เดียว
ซึ่งรวมข้อมูลวิดีโอข้อมูลการปฏิบัติงานการขนส่ง GPS และการติดตามยานพาหนะข้อมูลอาคารและโครงสร้างพื้นฐานสื่อสังคมออนไลน์และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์พื้นเมืองและเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ เพื่อช่วยให้องค์กรทุกประเภทมีความชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
HVS นับเป็นเครื่องมือแรกที่ใช้โซเชียลมีเดีย และฟีดข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตแบบเรียลไทม์ ร่วมกับการวิเคราะห์ขั้นสูงที่มีความละเอียดและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงลึกและยกระดับความปลอดภัยสาธารณะในรูปของการนำเสนอข้อมูลพยากรณ์การเกิดอาชญากรรมที่มีความแม่นยำสูง
ทั้งนี้ Hitachi Visualization เป็นหนึ่งในของโซลูชั่น Hitachi Social Innovation ที่ช่วยพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) และออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อยกระดับแนวคิดด้านความปลอดภัยสาธารณะของเมืองและเทศบาลต่าง ๆ ผ่านทางการใช้การวิเคราะห์ขั้นสูงเชิงพยากรณ์และการเข้าถึงข้อมูลวิดีโอ หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ
จากระบบความปลอดภัยสาธารณะได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การที่เกิดความต้องการเพิ่มขึ้น เพราะคนต้องการความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งภัยคุกคาม หรือภัยก่อการร้ายเองก็เริ่มมีรูปแบบที่ตรวจจับติดตามยากมากขึ้น
ปัจจุบันมีการลงทุนในด้านเรื่องของความปลอดภัยกับเรื่องของเมืองอัจจริยะเป็นเรื่องหลัก โดยมีการลงทุนเฉลี่ย 18% ทั่วภูมิภาคเอเซีย ซึ่งหากพิจารณาแนวโน้มของการเติบโตของประเทศต่างๆ ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่ให้ความสนใจอยู่ที่ 22% และประเทศจีนอยู่ที่ 21% ส่วนของไทยอยู่ที่ประมาณ 19%
ซึ่งหากมองในแง่ของศักยภาพแล้วประเทศไทยมีศักยภาพมากพอที่จะทำให้เกิดขึ้น แต่อาจจะต้องเริ่มสร้างคนให้มาดูแลเทคโนโลยี อีกทั้งยังคงต้องทำความเข้าใจและเปลี่ยนแปลงกระบวนการดำเนินด้วยการใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลในรูปแบบต่างๆได้มากขึ้น
ล่าสุดเราได้มีเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้าง สมาร์ทซิตี้ที่ภูเก็ต แต่เป็นในส่วนของการวิเคราะห์พฤติกรรมของนักท่องเที่ยว โดยใช้การงลทะเบียนเพื่อรับสัญญาณ ไว-ไฟ (Wi-Fi) ส่วนเรื่องของ HVS อาจจะเป็นส่วนที่เข้าไปดูว่าเราจะสามารถช่วยได้ หรือไม่ ทั้งนี้อยู่ที่ความต้องการของเมืองเองด้วย
รับชมคลิปงานแถลงข่าว
?Breaking New??LIVE : Smart Cities ความท้าทาย และความพร้อม อะไรคือสิ่งที่จำเป็นต้องทำในยุค 4.0สามารถอ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่ https://goo.gl/oeTE25#Hitachi #SmartCity #SmartCities
โพสต์โดย Eleader บน 7 สิงหาคม 2017