การปฏิรูปสู่ยุคดิจิทัลด้วย IoT ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคมไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสร้างผลกระทบไม่น้อยในโลกธุรกิจ แต่อีกด้านก็สร้างโอกาศให้แก่ธุรกิจบางอย่าง
จากการสำรวจล่าสุดจาก IDC พบว่า หลายๆ เมืองใหญ่ในยุโรปเห็นความจำเป็นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อเชื่อมโยงบริการจากภาครัฐและเอกชนเข้าด้วยกัน โดยมี Internet of Things (IoT) หรือเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นอันดับแรก
ซึ่งหน่วยงานรัฐปรารถนาที่จะลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาภายในชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คน และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือนิยามของ “สมาร์ท ซิตี้” หรือ “เมืองอัจฉริยะ”
บทบาทของกล้อง IoT ในสมาร์ทซิตี้
ความปลอดภัยในชุมชนคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาไปสู่เมืองอัจฉริยะ โดยถ้าดูจากการที่การลงทุนของรัฐบาลในหลายๆ เมือง พบว่าความปลอดภัยคือเหตุผลอันดับแรกสำหรับพวกเขาในการลงทุนด้านเทคโนโลยีและแอพพลิเคชั่น IoT
โดยมีกล้องวงจรปิดแบบเครือข่ายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ชิ้นสำคัญของการลงทุนที่ช่วยให้หลายๆ เมืองสามารถพัฒนาความสามารถจากการรับรู้สถานการณ์อย่างง่ายๆ ไปสู่การคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ ก่อนเกิดขึ้นจริง
ซึ่งกล้องวงจรปิดแบบเครือข่ายสามารถ
นอกจากนี้ จากสถานการณ์ด้านความปลอดภัยหลา
“สำหรับเมืองอัจฉริยะ การลงทุนในระบบวิดีโอเครือข่ายแ
ตัวอย่างแอพพลิเคชั่นสำหรับเมืองอัจฉริยะที่ต่อยอดมาจากการติดตั้งกล้องวงจรปิดระบบเครือข่าย ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทที่ชื่อ แอ็กซิส ซึ่งมีระบบอื่นๆ นอกจากระบบความปลอดภัย
โดยมีระบบตรวจสอบความคล่องตัวของการจราจรที่สามารถปรับเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจรได้ในทันทีเพื่อลดความหนาแน่นของการจราจรทางถนน และระบบชี้แนะทางดิจิทัล (digital guidance system) ซึ่งเมือง Utrecht ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้นำกล้องวงจรปิดมาบูรณาการเพื่อช่วยเหลือนักปั่นในการค้นหาตำแหน่งว่างสำหรับจอดจักรยาน เป็นต้น