ในยุคปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้น พนักงานมีงานล้นมือมากขึ้น ในขณะที่ต้องทำงานให้มากขึ้น ด้วยงบประมาณที่ลดลง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ดูแลโรงพยาบาล
ในยุคปัจจุบัน ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเพิ่มขึ้น พนักงานมีงานล้นมือมากขึ้น ในขณะที่ต้องทำงานให้มากขึ้น ด้วยงบประมาณที่ลดลง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของผู้ดูแลโรงพยาบาล
เราจึงจำเป็นต้องหาเทคโนลยีที่จะเข้ามาตอบช่วยตอบโจทย์ของปัญหาที่เกิดขึ้น หนึ่งในทางเลือกใหญ่คือการใช้เทคโนโลยี IoT เข้ามาช่วยลดต้นทุนด้านพลังงาน
โดยหนึ่งในผู้ให้บริการรายด้านเทคโนโลยีพลังงานอย่าง ชไนเดอร์ ก็มีโซลูชัน Clinical Environment Optimization ที่จะช่วยให้ผู้ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงพยาบาลสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้พลังงานได้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานห้องต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยนำมาใช้ได้เต็มศักยภาพ”
โซลูชันดังกล่าวจะนำข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานของห้องมาตั้งค่าปรับเงื่อนไขหรือสถานะการใช้ห้องได้โดยอัตโนมัติตามข้อมูลที่ลงไว้ในระบบ ADT ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการผู้ป่วยตั้งแต่แรกรับผู้ป่วย (Admission) จนถึงผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล (Discharge) หรือการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลอื่น (Transfer)
ระบบออโตเมชันสำหรับอาคารจะจัดการเรื่องการควบคุมแสงสว่าง การควบคุมอุณหภูมิ และระบบอากาศหมุนเวียน โดยข้อมูลนี้จะนำมาใช้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถยกเลิกคำสั่งได้ในเวลาที่ต้องการ และลดกระบวนการทำงานที่ล่าช้า
ทั้งนี้โซลูชัน Clinical Environment Optimization ผสานรวมการทำงานร่วมกับระบบเดิม
และยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบโครงส
เคล็ดลับ 3 ประการ สำหรับการทำ Optimization ของชไนเดอร์
1. ผสานการทำงานของระบบบริหารจัดการอาคาร และระบบ ADT ของโรงพยาบาลเข้าด้วยกัน เพื่อลดการใช้พลังงานในห้องผู้ป่วย รวมถึงห้องผ่าตัด และพื้นที่ในบริเวณคลินิกที่ไม่มีการใช้งาน
2. นำข้อมูลเกี่ยวกับห้องมาใช้ในการแจ้งเตือนฝ่ายดูแลความสะอาด เมื่อห้องว่างและพร้อมที่จะให้เข้ามาทำความสะอาดได้
3. นำข้อมูลเกี่ยวกับห้องมาใช้ในการแจ้งเตือนพนักงานดูแลสิ่งอำนวยความสะดวก ในช่วงเวลาที่ห้องว่างและพร้อมที่จะให้เข้ามาดำเนินการเรื่องการซ่อมบำรุง