เทสโก้ โลตัส ทุ่มทุนกว่า 8 แสนบาท ระดมไอเดียสตาร์ทอัพผ่านแฮกกาธอนแรกของวงการค้าปลีก (Retail) ไทย เฟ้นหานวัตกรรม ค้าปลีก 4.0 รองรับพฤติกรรมลูกค้า 5 ด้าน ในยุคดิจิทัล หวังต่อยอด “โลตัส เอ็กเพรส “ทั่วประเทศ
เทสโก้ โลตัส แฮกกาธอน 2018 เวทีแรกของวงการ ค้าปลีก 4.0
เทสโก้ โลตัส เตรียมเปิดเวทีใหญ่ “เทสโก้ โลตัส แฮกกาธอน 2018” (Tesco Lotus Hackathon 2018) หวังระดมความคิดสตาร์ทอัพ เฟ้นหานวัตกรรมตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้ายุคดิจิทัล พร้อมนำไอเดียชนะเลิศต่อยอดธุรกิจ พลิกมิติวงการค้าปลีกไทยก้าวสู่ยุค 4.0 และต่อยอดสู่การใช้งานจริงใน “โลตัส เอ็กเพรส” (Tesco Lotus Express) ทั่วประเทศ
สลิลลา สีหพันธุ์ รองประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า เทสโก้ โลตัส เป็นธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมมาเพื่อใช้ในการพัฒนาการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของลูกค้าในยุคดิจิทัล
นอกจากนั้นภายในการบริหารจัดการธุรกิจเอง นวัตกรรมยังมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ ความร่วมมือ (partnership) เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมต่างๆ โดยเป็นการดึงจุดแข็งและความเชี่ยวชาญของแต่ละภาคส่วนเพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สามารถตอบความต้องการของลูกค้าและธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่
จึงเป็นที่มาของการจัด เทสโก้ โลตัส แฮกกาธอน 2018 ขึ้น ซึ่งเป็นการจัดแฮกกาธอนครั้งแรกของเทสโก้ โลตัส และของวงการค้าปลีกไทย เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจสตาร์ทอัพ บุคคลจากวงการต่างๆ รวมไปถึงนิสิต นักศึกษา ได้มีโอกาสในการร่วมกันคิดค้นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่และลูกค้ายุคดิจิทัล
5 แก่นสำตัญขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ยุค 4.0
ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ยุค 4.0 ไปพร้อมๆ กัน เรามองหานวัตกรรมเพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัล ที่ถูกผลักดันด้วยเมกะเทรนด์ 5 ข้อ ที่สำคัญคือ
- ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation)
- ความใส่ใจสุขภาพ (Healthy Lifestyle)
- โครงสร้างครอบครัวและสังคมผู้สูงอายุ (New Family Structure)
- ความสะดวกสบายและประสบการณ์ (Experience&Convenience)
- ความยั่งยืน (Sustainability)
โดย เทสโก้ โลตัส แฮกกาธอน 2018 จัดขึ้นภายใต้ธีม ค้าปลีกยุคใหม่ สู่ประเทศไทย 4.0 หรือ Revolutionising Retail towards Thailand 4.0 โดยใช้โจทย์พัฒนานวัตกรรมเพื่อร้านค้าเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นร้านค้าขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในชุมชนที่มีบทบาทกับการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างยิ่ง
และมีลูกค้าและคนในชุมชนเป็นจำนวนมากใช้บริการในแต่ละวัน โดยเฉลี่ยมียอดการซื้อสินค้าที่ร้านเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส มากกว่า 415 ล้านครั้งต่อปี ซึ่งเราคาดหวังว่า แนวความคิดและนวัตกรรมต่างๆ ที่ได้รับจากการทำแฮกกาธอนครั้งนี้ นอกจากจะเป็นประโยชน์กับลูกค้าและธุรกิจเทสโก้ โลตัสแล้ว
ยังสามารถถูกนำไปต่อยอดโดยร้านค้าขนาดเล็กในชุมชนรายอื่นๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการยกระดับธุรกิจค้าปลีกโดยรวมของประเทศไทย ให้สามารถเป็นค้าปลีก 4.0 ได้อย่างเต็มตัว
ธุรกิจค้าปลีกนับว่ามีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคและประชาชน นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกยังถือว่ามีความสำคัญต่อธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจอาหาร เกษตร การเงิน การขนส่ง ฯลฯ เพราะทำหน้าที่เป็นช่องทางการซื้อขาย (distribution channel) และจุดสัมผัส (touch point) ที่สำคัญ
ฉะนั้น การพัฒนาธุรกิจค้าปลีกให้สามารถก้าวไปสู่ ค้าปลีก 4.0 ได้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการช่วยเติมเต็มศักยภาพให้กับธุรกิจอื่นๆ ให้มีความครบวงจรยิ่งขึ้น
ด้าน ฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อานวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ภาคเอกชนมีความตื่นตัวในเรื่องของการเปลี่ยนทางเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และให้การสนับสนุนในการจัดทำโครงการดีๆขึ้น เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าเทคโนโลยีได้ส่งผลทำให้ธุรกิจในหลายล่มสลายไป เพราะไม่สามารถ
เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ไม่เว้นแต่อุตสาหกรรมการค้า ที่หลายๆผู้ประกอบต้องปิดตัวเองลง สำหรับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทในการผลักดันให้ประเทศก้าวสู่ประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาล ก็ยินดีจะช่วยให้โครงการ เทสโก้ โลตัส แฮกกาธอน 2018
นี้ ประสบความสำเร็จ โดยจะช่วยทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มนักพัฒนาที่ได้ขึ้นทะเบียนอยู่กับดีป้า ซึ่งขณะนี้มีอยู่กว่า 300 ราย รวมไปถึงช่วยหาผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญ มาให้คำแนะนำกับผู้ที่สนใจเข้าประกวดทุกคน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าทาง เทสโก้ โลตัส อยากให้ทางสำนักงานช่วยในด้านไหนบ้าง
ขณะที่ รศ.ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย ผู้ช่วยอธิการบดี งานยุทธศาสตร์และนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆให้เท่าทันต่อเทคโนโลยีสิ่งหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้คือเรื่องของทักษความรู้ และความสามารถของบุคลากร
ซึ่งการมีเวทีนี้เกิดขึ้นก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของเหล่านักศึกษาที่มีความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้มีโอกาสได้นำเอาความรู้ที่ได้เรียนมานำเสนอโครงการ และยังเป็นเวทีสำหรับสั่งสมประสบการณ์ ฝีกฝีใือ ก่อนที่จะก้าวออกไปยังองค์กรธุรกิจ ในอุตสาหกรรมต่างๆ
ด้าน อมฤต เจริญพันธ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง HUBBA Coworking space กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ผู้เข้าประกวดจะต้องทำความเข้าใจคือ ต้องรู้ว่าโครงการที่จะนำเสนอนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมค้าปลีกหรือไม่ ต้องเข้าใจว่าปัจจุบันสถาการณ์ของวงการค้าปลีกของประเทศกำลังเผชิญสิ่งใดอยู่ แล้วจึงค่อยคิดโครงการ นอกจากนี้อย่าคิดเพียงแค่เพียงจะแก้ปัญหาแค่ในประเทศ
เท่านั้น แต่ต้องคิดต่อยอดไปถึงสิ่งที่อุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วโลกกำลังเผชิญ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากแล้ว ไม่ได้เดินเข้าหน้าร้าน แต่ซื้อสินค้า หรือบริการ ผ่านสมาร์ทโฟน สิ่งที่ต้องตีโจทย์ให้ได้คือทำอย่างถึงจะสามารถสร้าง ความสะดวกรวดเร็ว และสร้างประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้บริโภคได้
หรือทำอย่างไรถึงจะนำข้อมูลของผู้บริโภคที่มีอยู่อย่างมหาศาลมาต่อยอดเป็นบริการได้ โดยสามารถเชื่อมโยงทั้งบนโลกออนไลน์ และหน้าร้านได้อย่างลงตัว และก่อให้เกิดความยั่งยืนต่อธุรกิจในระยะยาว
โดยโครงการ เทสโก้ โลตัส แฮกกาธอน 2018 เปิดรับสมัครผู้ที่สนใจ ทั้งในประเภทบุคคลและทีม ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจสตาร์ทอัพ บุคคลทั่วไปจากทุกวงการ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2561 จนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 โดยสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครผ่านทาง www.facebook.com/TescoLotusHackathon2018
และจะมีการจัดกิจกรรม Open House ในวันที่ 3 มีนาคม 2561 เพื่อเป็นการปฐมนิเทศให้กับผู้เข้าร่วมแข่งขันแฮกกาธอน ได้เรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจของเทสโก้ โลตัส และได้รับความรู้จากกูรูในสาขาต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ก่อนเริ่มต้นแข่งขันในวันที่ 16-18 มีนาคม ให้เวลาแข่งขันทั้งสิ้น 48 ชั่วโมง
เพื่อให้ผู้เข้าสมัครได้ระดมความคิดและนำเสนอไอเดียกันอย่างเต็มที่ โดยคณะกรรมการตัดสินประกอบไปด้วย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และผู้บริหารเทสโก้ โลตัส ชิงรางวัลมูลค่า 400,000 บาท ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ ลอนดอน เพื่อไปดูงานที่เทสโก้ แล็บ
และพบปะกับผู้บริหารกลุ่มเทสโก้ นอกจากนั้นยังมีรางวัลเงินสดสำหรับทีมที่ได้รับการคัดสรรค์ไอเดียในประเภทต่างๆ รวมมูลค่ารางวัลทั้งหมดกว่า 450,000 บาท
นอกจากรางวัลแล้ว เราเชื่อมั่นว่าโอกาสในการได้ทำงานร่วมกับธุรกิจขนาดใหญ่และการนำไอเดียมาพัฒนาต่อยอดใช้งานจริงภายในร้านค้าของเทสโก้ โลตัส เอ็กเพรส จะเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันวงการสตาร์ทอัพของไทย นอกจากนั้นแล้ว ภายในกลุ่มเทสโก้ มีธุรกิจค้าปลีกอยู่ใน 10 ประเทศ ซึ่งอาจนำมาซึ่งโอกาสสำหรับสตาร์ทอัพไทยในการก้าวสู่เวทีในระดับโลก
“สำหรับผู้ชณะในเวทีการแข่งขันนี้ นอกจากในเรื่องของเงินรางวัลแล้ว หากโปรเจ็กส์ที่นำเสนอมาสามารถนำไปต่อยอดทางธุรกิจได้ ก็อาจจะมีการทำงานร่วมกันในลักษณะพาทเนอร์ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกว่าจะเป็นในร่วมทุน หรือลงทุน เนื่องจากเรายังไม่เห็นโครงการ” สลิลลา สีหพันธุ์ กล่าวเสริม
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่
