เผยรายงาน 9 แนวโน้มการตลาด 2019 และนักการตลาดสายพันธุ์ใหม่ “มาร์เท็คเตอร์” ที่กำลังก้าวขึ้นมายืนแถวหน้าท่ามกลางกระแสการใช้ AI…
highlight
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) และดิจิทัลเอเจนซีต่าง ๆ กำลังเร่งปรับตัวรับบทบาทใหม่ของงานด้านการตลาดในยุคของปัญญาประดิษฐ์ โดยมี 9 แนวโน้ม ที่เป็นแรงขับเคลื่อน ได้แก่ ในยุคเศรษฐศาสตร์เชิงอารมณ์, มาร์เท็คเตอร์, เอไอ และแมชชีนเลิร์นนิงทำให้การเข้าใจ และรู้ใจผู้ใช้, เกิดตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลการตลาดโดยฌฉพาะ, มีการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบอไจล์ (agile) มากขึ้น, หลักกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR), ดิจิทัลมาร์เก็ตติงเอเจนซีจะเปลี่ยนรูปแบบเป็นเอเจนซีที่ปรึกษา, กลยุทธ์การตลาดที่ใช้การซื้อโฆษณาออนไลน์ผ่านระบบอัตโนมัติผสานกับเทคโนโลยีการโฆษณาที่สามารถเรียนรู้ และเข้าใจลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ และ การเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และการส่งมอบความสุข
9 แนวโน้มการตลาด 2019 ในยุค AI
เมื่อไม่นานมานี้ “ไอบีเอ็ม” ได้เผยผลสำรวจแนวโน้มการตลาดประจำปี 2562 พบเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (CMO) และดิจิทัลเอเจนซีต่าง ๆ กำลังเร่งปรับตัวรับบทบาทใหม่ของงานด้านการตลาดในยุคของปัญญาประดิษฐ์ และกำลังวางพิมพ์เขียวใหม่ในเรื่องกลยุทธที่ต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นในปี 62
ในยุคเศรษฐศาสตร์เชิงอารมณ์ (Emotion Economy) การตลาดที่มีคุณค่าต่อผู้บริโภคจะเป็นสิ่งที่สร้างความภักดีให้กับแบรนด์
ปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะผูกพันกับแบรนด์ที่น่าเชื่อถือมากที่สุดเท่าที่เคยมีมานั่นหมายถึงแบรนด์ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน และส่งมอบในสิ่งที่สัญญาไว้ซึ่งต่างกับในอดีตที่แบรนด์เพียงแค่ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้บริโภคเท่านั้น
นักการตลาดยุค 4.0 จุดกำเนิดของ “มาร์เท็คเตอร์” (Martecheter)
เมื่อก่อนคุณสมบัติสำคัญของนักการตลาดคือความสามารถในการจัดสรรงบประมาณเครื่องมือและคนแต่ปัจจุบันทุกอย่างกำลังกลับกันโดยมีการเติบโตอย่างรวดเร็วของทักษะใหม่ๆและความคาดหวังของลูกค้าเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ
เอไอ และแมชชีนเลิร์นนิงทำให้การเข้าใจ และรู้ใจผู้ใช้ เป็นอย่างดีกลายเป็นเรื่องที่ทำได้จริง
ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมหาศาล และการตลาดที่ต้องรู้จักแยกหรือสลับส่วนเมื่อจำเป็นทำให้เครื่องมือการตลาดที่ต้องอาศัยเอไอและแมชชีนเลิร์นนิงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าถึงผู้ใช้อย่างเจาะจงเฉพาะบุคคลซึ่งสิ่งนี้จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการตัดสินใจ
และเลือกใช้แคมเปญโฆษณาของบรรดานักการตลาดเนื่องจากเอไอจะสามารถวิเคราะห์และส่งมอบเนื้อหาแบบเฉพาะบุคคลให้แก่กลุ่มลูกค้าได้ในวงกว้าง
“ผู้อำนวยการฝ่ายข้อมูลการตลาด” จะกลายเป็นตำแหน่งใหม่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ “ข้อมูลการตลาด” จะยังคงเพิ่มขึ้นเพราะเป็นบทบาทที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างคนกับเทคโนโลยีทั่วทั้งองค์กรซึ่งจะช่วยให้ปัญญาประดิษฐ์และเครื่องมือการตลาดที่อาศัยแมชชีนเลิร์นนิง
สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของผู้บริโภคให้คำแนะนำและการคาดการณ์และรอบรู้อัจฉริยะมากยิ่งขึ้นตามข้อมูลที่ป้อนเข้าระบบ
มีการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบอไจล์ (agile) มากขึ้นนำสู่ผลลัพธ์ และวัฒนธรรมการตลาด
องค์กรต่างๆที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมและกรอบความคิดแบบอไจล์จะได้รับโอกาสจากการเป็นผู้บุกเบิกกลุ่มแรกๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแงท่ที่เทคโนโลยีการตลาดที่อาศัยเอไอเพื่อช่วยให้สามารถใช้ชุดเครื่องมือที่เหมาะสมในการปรับเปลี่ยนและวัดผลตามวัตถุประสงค์ และเกณฑ์ชี้วัดต่าง ๆ
GDPR หรือหลักกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะช่วยเพิ่มการจัดการข้อมูลให้เป็นระบบ และเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้า
วันนี้บรรดานักการตลาดจะหันมามุ่งเน้นที่การปรับปรุงกระบวนการการจัดการข้อมูลให้เป็นระบบซึ่งส่งผลดีต่อการทำตลาดในแง่การกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นและการมีปฏิสัมพันธ์ที่มีคุณภาพมากขึ้นกฎเกณฑ์ที่มีลักษณะคล้ายกันนี้เริ่มมีใช้แล้วในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา
และอาจกำหนดให้มีผลบังคับใช้ทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งจะทำให้บรรดานักการตลาดเริ่มลงมือปรับปรุงเรื่องความเป็นส่วนตัวการรักษาความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลในฐานะตัวเร่งที่นำไปสู่โมเดลทางธุรกิจใหม่ ๆ
ดิจิทัลมาร์เก็ตติงเอเจนซีจะเปลี่ยนรูปแบบเป็น “Consulgencies” หรือบริษัทเอเจนซีที่ปรึกษา
ข้อมูลล่าสุดจาก AdAge ระบุว่า 10 บริษัทเอเจนซีที่ใหญ่ที่สุด กำลังย่ำแย่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เนื่องจากการก้าวขึ้นมาของบริษัทที่ปรึกษาบิ๊กโฟร์ (Big Four) ในปี2560 ซึ่งนี่คงเป็นเครื่องบ่งชี้ทิศทางของอุตสาหกรรมนี้ได้เป็นอย่างดีกล่าว
คือความสามารถของ “บริษัทที่ปรึกษา” และ “บริษัทเอเจนซี” จะผนวกรวมเข้าด้วยกันเนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความเชี่ยวชาญเชิงลึกด้านเอไอดาต้าอินทิเกรชันการวิเคราะห์ประสบการณ์ลูกค้าโมบายล์แอพและการพัฒนาโซลูชันแบบเฉพาะเจาะจง
มาร์เทค+ แอดเทค= สุดยอดแห่งกลยุทธ์การตลาด
แม้ว่าจะเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางแต่อย่างน้อยที่สุดปี2562 จะเป็นปีที่บรรดานักการตลาดจะหันมาใช้ประโยชน์จากการซื้อโฆษณาออนไลน์ผ่านระบบอัตโนมัติ (Programmatic Ad) มากขึ้นความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลได้ดีขึ้นระหว่างมาร์เทค (Martechหรือเทคโนโลยีการตลาด)
และแอดเทค (Adtech หรือเทคโนโลยีการโฆษณา) จะทำให้นักการตลาดสามารถเรียนรู้และเข้าใจลูกค้าได้แบบเรียลไทม์และมีการนำเอไอมาช่วยให้การใช้จ่ายด้านโฆษณามีความคุ้มค่าขึ้น
การเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางทลายกำแพงการตลาดแบบเดิม และเน้นการส่งมอบความสุข
งานด้านการตลาดจะถูกพลิกโฉมให้มุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างกันให้ลูกค้าแต่ละรายโดยอาศัยความเข้าใจข้อมูลลูกค้าแบบรวมเชิงบริบทที่ครอบคลุมทุกส่วนขององค์กรเช่นทีมคอมเมิร์ซ และทีมดิจิทัล
“ไม่บ่อยนักที่แวดวงการตลาดจะเผชิญกับคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบเชิงลึกต่องานด้านการตลาดในทุกๆด้านและเรากำลังอยู่ในช่วงเวลานี้”
ซิลเวียเวเคอร์ ผู้ก่อตั้งร่วม และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ของโซซิโอแฟบริกา กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ได้รับแรงผลักดันจากการเชื่อมโยงข้อมูลเชิงอนุมานด้วยพลังขับเคลื่อนของเอไอกำลังนำสู่โอกาสในการวางสถาปัตยกรรมของ “วงการการตลาด” ใหม่ทั้งหมดซึ่งแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแต่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องมีความรู้เชิงปฏิบัติเพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นนี้
อ่านผลการศึกษาฉบับเต็มได้ที่ https://www.ibm.com/watson/marketing/resources/2019-marketing-trends/
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการและผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่