ปัจจุบัน บิ๊กดาต้า (Big Data) ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเพิ่มขีดขั้นความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม..
Big Data Big Change the Transportation into the Future
วันนี้ หากก้าวถึงเรื่องของ บิ๊ก ดาต้า หลายๆอุตสาหกรรม ได้เริ่มตะหนักกันมากขึ้นแล้ว โดยเริ่มมีการใช้ข้อมูล (Data) มาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่
เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดนั้
โดยการนำข้อมูลบิ๊กดาต้าจากแอพพลิเคชั่นเรียกรถโดยสารมาใช้ร่วมกับการพัฒนาระบบขนส่งและแก้ไขปัญหาการจราจรนั้น ไม่ใช่เพียงการมีข้อมูลเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งหรือเพียงหยิบมือก็สามารถนำมาใช้ได้ เนื่องจากปริมาณฐานข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบรูปแบบต่างๆ และเทคโนโลยีเบื้องหลัง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูล การลงทุนด้าน AI (Artificial Intelligence) เพื่อประมวลหาวิธีแก้ไข หรือประสบการณ์ในท้องที่ประเทศนั้นๆ ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะข้อมูลที่ถูกต้องที่ภาครัฐนำไปใช้ย่อมหมายถึงการนำเม็ดเงินของประเทศไปใช้ให้เกิดการพัฒนาสูงสุด
ทั้งนี้ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แกร็บ ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม O2O (Online to Offline) ที่มีศักยภาพอย่างเด่นชัดในการนำข้อมูลบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อพัฒนาระบบขนส่ง ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังต่อไปนี้
ข้อมูลจำนวนมหาศาล รวมถึงข้อมูลในเชิงลึกจากการใช้งานจริง
- แกร็บ เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีฐานข้อมูลบิ๊กดาต้าจากแอพพลิเคชั่นเรียกรถโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากมีดาต้าซึ่งเกิดจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการให้บริการจริงมากว่า 6 ปีในระดับภูมิภาค และเกือบ 5 ปีเฉพาะสำหรับข้อมูลในประเทศไทย
- โดย แกร็บ มีประสบการณ์ในการนำข้อมูลบิ๊กดาต้าจำนวนมหาศาลที่เกิดจากการใช้งานจริงกว่าสองพันล้านเที่ยวมาใช้เพื่อวิเคราะห์ในหลายมิติ ทั้งด้านสภาพการจราจร พฤติกรรมผู้บริโภค และเส้นทางการเดินทาง
- ข้อมูลมหาศาลระดับบิ๊กดาต้าเหล่านี้ ยังเสริมศักยภาพให้แกร็บมีความเข้าใจเชิงลึกถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างที่ไม่มีบริษัทไหนเทียบเท่า พร้อมกับสามารถนำข้อมูลที่มีประโยชน์เหล่านี้ มาใช้ในการแก้ไขปัญหาการจราจรในภูมิภาค รวมถึงสร้างโอกาสการเติบโต ตลอดจนการพัฒนาเมืองไปสู่สมาร์ทซิตี้ได้อีกด้วย
- นอกจากนี้ จากการใช้บริการเรียกรถมากกว่าสองพันล้านเที่ยวในกว่า 253 เมือง ผู้คนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้บริการของแกร็บเพื่อเดินทางไปทำงาน ไปโรงเรียน สั่งอาหารกลางวัน และส่งของ ทำให้แกร็บมีข้อมูลเชิงลึกในการขับเคลื่อนระบบขนส่งยุคใหม่ รวมแล้วมากกว่า 3 เพตาไบต์ หรือขนาดเทียบเท่ากับการชมทีวีระดับ HDเป็นระยะเวลา 40 ปี หรือเกือบเท่าความจุของดีวีดี 690,000 แผ่น ทั้งนี้ ในแต่ละวัน แกร็บ ต้องประมวลผลข้อมูลผู้ใช้และผู้ขับสูงกว่า 20 เทราไบต์ จึงทำให้เข้าใจถึงปัญหาและสามารถส่งมอบบริการที่สามารถตอบโจทย์ความท้าทายของสาธารณูปโภคระบบจราจรของแต่ละประเทศในภูมิภาคได้อย่างตรงจุด
เทคโนโลยีชั้นนำในการนำข้อมูลมาใช้
- ทั้งนี้ นอกเหนือจากข้อมูลมหาศาล การแก้ปัญหาจราจรอย่างเป็นระบบยังต้องมีความเข้าใจในข้อมูลที่เก็บรวมรวมมาได้ รวมทั้งยังต้องมีการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำความเข้าใจข้อมูลที่เก็บรวมรวมมาได้ ทั้งในด้านเทคโนโลยี Data Science ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ได้โดยอัติโนมัติ (Machine Learning) ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ข้อมูลจำนวนมหาศาลกลายมาเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ส่งมอบบริการที่สะดวก ปลอดภัย และตอบโจย์ความต้องการอย่างตรงจุด และสามารถนำไปใช้ในการวางแผนจัดการระบบและรับมือกับปัญหาสำคัญของภูมิภาคอย่าง การจราจร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- โดยล่าสุด เมื่อเดือนที่ผ่านมา แกร็บ ได้ประกาศความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) เปิดตัวห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI)เพื่อคิดค้นแนวทางแก้ไขระบบขนส่งในเมือง ซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อไป โดยห้องปฏิบัติการ แกร็บ-เอ็นยูเอส เอไอ (Grab-NUS AI) เป็นโครงการลงทุนร่วมซึ่งมีมูลค่าการลงทุนตั้งต้นที่ 6 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ และนับเป็นการลงทุนใหญ่สำหรับการสร้างห้องปฏิบัติการ AI แห่งแรกของ แกร็บ รวมถึงเป็นห้องปฏิบัติการ AI แห่งแรกที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ลงทุนร่วมกับพันธมิตรจากภาคธุรกิจ
ประสบการณ์จริงอันยาวนาน และเครือข่ายการเป็นพันธมิตรกับองค์การภาครัฐ และเอกชน
- ส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการนำข้อมูลบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง และแก้ไขปัญหาการจราจรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นผลมาจากความร่วมมือของ แกร็บ กับหน่วยงานรัฐบาลในประเทศต่างๆ รวมถึง นักวิชาการ และพันธมิตร เพื่อพัฒนาโครงการเป็นจำนวนมาก
- โครงการความร่วมมือของแกร็บในการนำข้อมูลบิ๊กดาต้ามาใช้แก้ไขปัญหาการจราจรนั้นได้แก่ โครงการความร่วมมือของ OpenTraffic by World Bank ที่แกร็บได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลของประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ที่ให้ข้อมูล GPS โดยไม่เปิดเผยตัวคนขับ เพื่อให้เห็นสภาพการจราจรที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาจริง เจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นถนนที่การจราจรติดขัด เพื่อดูว่าจะระบายรถไปทางใด และสามารถตัดสินใจได้ทันที
- ในประเทศสิงคโปร์ นอกจาก แกร็บ จะลงทุนกับการวิจัยข้อมูล ร่วมกับมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติของสิงคโปร์ในการสร้างห้องทดลองปัญญาประดิษฐ์เพื่อหาทางออกอัจฉริยะให้กับปัญหาของเมืองใหญ่ที่พบเจอในปัจจุบัน แกร็บ ยังทำโครงการรถชัทเทิลบัสนำร่องที่ทำร่วมกับองค์กร GovTech และข้อตกลงในการแบ่งปันข้อมูลกับหน่วยงานURA ในประเทศสิงคโปร์อีกด้วย
- อีกหนึ่งรัฐบาล ที่แกร็บได้เข้าไปให้การสนับสนุนในแง่การขนส่ง คือประเทศกัมพูชา โดยในเดือนธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา แกร็บลงนามข้อตกลงกับกระทรวงโยธาธิการ และคมนาคม เพื่อให้การสนับสนุนการพัฒนาระบบขนส่งของประเทศ ภายใต้ข้อตกลงนี้ แกร็บจะใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนและระบบการจราจร และยังร่วมมือกับสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ในประเทศกัมพูชาเพื่อช่วยลดมลภาวะและเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการจราจรในประเทศกัมพูชา ซึ่งถือเป็นข้อตกลงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในกิจการของรัฐ ครั้งแรกของประเทศ
- ในส่วนของประเทศไทย แกร็บ ร่วมกับ จังหวัดบุรีรัมย์ ในการเป็นส่วนหนึ่งของระบบขนส่งอัจฉริยะนำร่องที่นำเอาบริการเรียกรถมาช่วยเสริมความพร้อมในการลำเลียงนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนในช่วงการแข่งขันโมโตจีพี สนามที่ 15 ซึ่งเป็นการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างวันที่ 5 – 7 ตุลาคม 2561 และล่าสุด แกร็บยังได้ประกาศร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อเปิดตัวแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ที่ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวชุมชน 25 แห่งใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ และสุราษฎร์ธานี (สมุย) และยังมีการพูดคุยถึงโครงการอื่น ๆ เพื่อต่อยอดในอนาคตอีกด้วย
- โดย แกร็บ ยังเดินหน้าพูดคุยกับภาครัฐในอีกหลายภาคส่วนเพื่อพัฒนาโครงการต่างๆ ที่จะประกาศเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้
ประโยชน์มหาศาลที่จะได้รับจากการมีบิ๊กดาต้า และความสามารถในการนำข้อมูลเชิงลึกเพื่อใช้ในการวางแผนรับมือกับประเด็นสำคัญอย่างปัญหาการจราจรติดขัดในภูมิภาค จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดข้อมูลและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการนำข้อมูลมาใช้ รวมไปถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานภาครัฐ และสถาบันต่างๆ โดย แกร็บ จึงเป็นผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น Superapp ที่ตอบรับความต้องการในทุกวัน ที่มีความพร้อมในทุกด้านมากที่สุดในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบิ๊กดาต้า เพื่อร่วมขับเคลื่อนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยระบบขนส่งอัจฉริยะ และการพัฒนาของประเทศต่างๆ ในภูมิภาครวมถึงประเทศไทย
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุประสงค์มุ่งเพื่อโจมตีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Digital Content)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความ ทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่