SUPERNAP Thailand

บริษัท ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย จำกัด  (SUPERNAP Thailand) เปิดบ้าน ต้อนรับคณะสื่อมวลชนไทยเยี่ยมชมศูนย์ข้อมูลระดับ “เทียร์ 4” ณ นิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี 2 โชว์ นวัตกรรม ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ระดับโลก…

SUPERNAP Thailand ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย มากที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้?

สุนิตา บ็อตเซ่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของบริษัท คือการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) ไปสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ที่มีเทคโนโลยีที่ดี และล้ำหน้าที่สุด

ซึ่งรวมเทคโนโลยีระดับโลกที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยการออกแบบ และสร้างขึ้นตามข้อกำหนดที่ได้รับการยอมรับระดับสูงสุด Tier IV Gold ตามมาตรฐานเดียวกับ ศูนย์ข้อมูลแบบแบ่งพื้นที่เช่า Switch ที่เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการออกแบบที่ล้ำสมัย ในระดับเธียร์ 4 และ เธียร์ 4 โกลด์ จากสถาบัน Uptime Institute

โดยเข้มงวดตั้งแต่ขั้นตอนของการเลือกพื้นที่ ด้วยมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางกายภาพ 7 ชั้น ที่นร่วมไปถึงการออกแบบก่อลร้าง พื้นที่ทั้งภายใน และพื้นที่โดยรอบทั้งหมด รวมไปถึงสิทธิ์ในการเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ของศูนย์ข้อมูล ที่จะต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้เช่าใช้บริการ ผู้ที่ปฏิบัติงานอยู่ภายในศูนย์ข้อมูล หรือแม้แต่ตัวผู้บริหาร ซุปเปอร์ แนป เองก็ไม่มีข้อยกเว้น

SUPERNAP Thailand

ซึ่งเรามีนโยบายจ้างพนักงานประจำแทนการเอาท์ซอร์ส แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และแม่บ้าน ก็ต้องเป็นพนักงานประจำของบริษัทที่ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้ดาต้า เซ็นเตอร์เสียหาย โดยตรวจตราความปลอดภัยในแบบ 24x7x365 ผ่านห้องมอนิเตอร์ความปลอดภัย

การเข้าเยี่ยมชม ดาต้า เซ็นเตอร์ จึงจำเป็นต้องแจ้งชื่อ ก่อนเดินทางไป จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะตรวจสอบรายชื่อ และพาเข้าไปด้านใน ซึ่งภายนอกกำแพงถูกสร้างไว้อย่างแน่นหนา ด้วยการแจ้งชื่อพร้อมโชว์บัตรประชาขนก่อนเข้าพื้นที่

รวมไปถึงการให้เจ้าหน้าที่ติดตามตลอดระยะเวลาที่อยู่ภายใน ทั้งหมดเพื่ออำนวยความ และสร้างความปลอดภัยให้มากที่สุด จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่สามารถมีคนนอกเข้ามารุกล้ำข้อมูลของลูกค้าได้

นอกจากนี้ ศูนย์เดต้าเซ็นเตอร์ ของเรา สร้างด้วยแนวหลักแนวคิดแบบ สแตนด์อโลน ที่ยึดทำเลใกล้กับศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ และสามารถรองรับความต้องการในการใช้งานในลักษณะความสามารถในการปฏิบัติงาน

หรือดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง (Mission Critical) เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานด้วยศักยภาพสูงสุดเพื่อทำให้ลูกค้าที่ใช้บริการสามารถตอบสนองต่อตลาดที่กำลังเติบโต และเชื่อมโยงธุรกิจกับเศรษฐกิจ และการค้าโลกได้ ในขณะเดียวกัน ยังช่วยสนับสนุนให้ภาครัฐขับเคลื่อนประเทศไทย

ไปสู่มิติใหม่ของเศรษฐกิจเพิ่มมูลค่าในยุคดิจิทัลได้ด้วยตัวเลือกในการเชื่อมต่ออันหลากหลาย นอกจากนี้ศูนย์ข้อมูลของเรายังอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และเป็นพื้นที่ในเขตพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)

SUPERNAP Thailand

ซึ่งเป็นพื้นที่ราบที่เหมาะกับการขยายพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ในอนาคต อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกเขตน้ำท่วมกรุงเทพฯและสูง 110 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อีกทั้งยังตั้งอยู่ใกล้สถานีเคเบิลเชื่อมระหว่างประเทศประมาณ 27 กิโลเมตรจากศูนย์ข้อมูล

ปัจจุบันเนื้อที่ของศูนย์ข้อมูลซุปเปอร์แนปประเทศไทยมีเนื้อที่ทั้งหมด 120,000 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ สำหรับเก็บข้อมูล 2 เซ็คเตอร์ จำนวน 21,000 ตารางเมตร และสามารถขยายได้ถึง 6 เซ็คเตอร์ ซึ่งจะใช้พื้นที่ 63,000 ตารางเมตร 

และซึ่งแต่ละเซ็คเตอร์สามารถรองรับเซิร์ฟเวอร์ ได้มากถึง 880 ตู้แร็ค ซึ่งปัจจุบันเราเปิดบริการไป 1 อาคาร หรือ 1 MOD (Modularly Optimized Design) แต่เมื่อเปิดครบ 3 MOD ก็จะสามารถให้บริการในการวางเซิร์ฟเวอร์ได้มากกว่า 5,300 ตู้แร็ค เลยทีเดียว

อีกทั้งยังสะดวกในการเดินทาง เพราะอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิก็มีระยะทางห่างกันเพียง 85 กิโลเมตรและห่างจากสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) 57 กิโลเมตร เท่านั้น

การเลือกพื้นที่ดังกล่าวทำให้ซุปเปอร์แนป ได้รางวัลชนะเลิศจากงาน Datacloud Asia ปี 2561 จาก Broad Group ในการเป็นผู้ให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ยอดเยี่ยมประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรางวัลสถานที่ตั้งดาต้า เซ็นเตอร์ที่ดีที่สุด

โดยเราสามารถเอาชนะคู่แข่งจากประเทศต่างๆ ทั้งจาก เกาหลีใต้ ฮ่องกง อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ และเราคือ 1 ใน 5 บริษัทที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้าชิงรางวัล“บริการดาต้าเซ็นเตอร์ยอดเยี่ยมประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” อีกด้วย

SUPERNAP Thailand

ซึ่งหากมองในแง่ของภูมิศาสตร์การที่เรามาตั้งศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย เพราะเราเล็งเห็นว่าประเทศไทยถือเป็นจุดศูนย์กลางที่เหมาะสมของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ที่ต้องการมุ่งหน้าไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยี

ในอนาคตอุตสาหกรรมต่างๆ จำเป็นจะต้องพึ่งพานวัตกรรมที่เกิดใหม่ในโลกดิจิทัล รวมถึงการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีอินเทอร์เนตในทุกสิ่ง (Internet of Things) คลาวด์ (Cloud) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)

อีกทั้งประเทศไทยมีการเติบโตด้านการบริโภคข้อมูลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากงานวิจัยในเดือน ม.ค. 2561 พบว่า ประเทศมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 11 ล้านราย เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีผู้ใช้งาน โซเชียล มีเดีย กว่า 5 ล้านราย โตขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

และมีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ 2 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนและคนใช้โซเชียล มีเดีย ผ่านโทรศัพท์มือถือที่แอคทีฟอยู่จำนวน 4 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นทิศทางในการใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ผู้ให้บริการจึงจำเป็นต้องลงทุนในเรื่องของพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล ที่มีความปลอดภัย หรือไม่ก็เลือกใช้ผู้ให้บริการที่พร้อมได้มาตราฐาน โดยเราตั้งเป้าดึงดูดการลงทุนมายังภูมิภาค เพื่อพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นศูนย์กลางการจัดการข้อมูลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

และยังจะช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัลให้เติบโตตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ได้ด้วยรูปแบบการทำงานที่มีเสถียรภาพ และยั่งยืนให้กับภูมิภาคนี้

นอกจากนี้ ดาต้า เซ็นเตอร์ ของซุปเปอร์แนป มีผู้ให้บริการทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและมีสายสัญญาณใยแก้วนำแสงเชื่อมต่อเข้าศูนย์ข้อมูลหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ดีแทค, เอไอเอส, ทรู, ทีโอที, กสท โทรคมนาคม, ทริปเปิ้ล ทรี, อินเตอร์ลิงค์ และ ซิมโฟนี่

การจัดการพลังงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

SUPERNAP Thailand

นอกจากนี้เพื่อสร้างความยั่งยืนเราจึงใส่ใจในเรื่องของการใช้พลังงานหมุนเวียน ศูนย์ข้อมูลซุปเปอร์แนปประเทศไทย จึงได้ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้พลังงาน ด้วยกำลังไฟ 30 เมกะวัตต์ ซึ่งการใช้พลังงานสำหรับระบบไฟฟ้าใช้พลังงาน 20 เมกกะวัตต์

และสามารถขยายรองรับกำลังไฟฟ้าสูงสุดถึง 60 เมกะวัตต์ แบบไม่มีดาวไทม์ ทำให้สามารถให้บริการได้ 100% ด้วยประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ 1.35-1.45 ซึ่งดีกว่าทุกศูนย์ข้อมูลในกลุ่มประเทศอาเซียนนอกจากนี้เรายังมีสิทธิบัตรทางเทคโนโลยีที่ได้คิดค้นมากกว่า 500 สิทธิบัตร

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสิทธิบัตรทางด้านระบบไฟฟ้า ซึ่งศูนย์ข้อมูลซุปเปอร์แนปประเทศไทยสามารถ สำรองได้มากถึง 3 ระบบ (tri-redundant power systems) (ปกติผู้ให้บริการทั่วไปมี 2 ระบบ) โดยแต่ละระบบจะมาพร้อมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในตัว พร้อมระบบสำรองไฟ (UPS) อุปกรณ์ควบคุม

และแจกจ่ายกระแสไฟฟ้า (PDU) ตู้ไฟฟ้าอัจฉริยะ (RPP) และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนงานต่างๆ มีพลังงานไฟฟ้าแบบ 1 เฟส และ 3 เฟสตามที่ลูกค้าต้องการ และสามารถจ่ายพลังงานได้มากถึง 33 กิโลวัตต์ ต่อ 1 ตู้แร็ค (มาตรฐานการจ่ายอยู่ที่ 8-10 กิโลวัตต์)

นอกจากนี้ เพื่อความมั่นใจ ศูนย์ข้อมูลซุปเปอร์แนปประเทศไทย ยังได้ถูกออกแบบให้มีระบบไฟแบบแยกอิสระจากแหล่งงานหลัก ทำให้สามารถดตั้งระบบจ่ายไฟแบบมีความจุสูง โดยไม่มีผลกระทบต่อการบำรุงรักษาและการรักษาความปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถควบคุมผ่านห้องควบคุมการจ่ายไฟ 

ที่สามาถคอนโทรลระบบจ่ายไฟขนาด 10 เมกะโวลด์แอมแปร์ (MVA) ซึ่งระบบทั้งหมดประกอบด้วย ห้องจ่ายไฟย่อยแยกจากกัน จำนวน 11 ห้อง โดยแต่ละห้องถูกกั้นด้วยผนังกันไฟเสริมเหล็กเพื่อป้องกันไฟลาม เมื่อเกิดเพลิงไหม้ที่ห้องใดห้องหนึ่ง

SUPERNAP Thailand

การก่อสร้างอาคาร มีความแข็งแรงกันพายุและฝนได้เป็นอย่างดี ซึ่งซุปเปอร์แนปใช้เทคโนโลยีในการสร้างหลังคาแบบ 2 ชั้น (Redundant roof system) ห่างกัน 3 เมตร แบบSwitch SHIELD หลังคาทำด้วยโลหะ สามารถต้านทานแรงลมได้ถึง 322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ขณะที่ตัวอาคารเราออกแบบให้อาคารสามารถระบายความร้อนแบบแบ่งแยกพื้นที่ความร้อน และความเย็นออกจากกัน ในระบบที่เรียกว่าแบบ T-SCIF (Thermal SeparateSpace in Facility) ทั้งนี้ T-SCIF คือแพลตฟอร์มเพื่อการควบคุมความร้อนได้แบบ 100%

ขณะที่เป้าหมายของเรายังมุ่งให้บริการลูกค้าทั้งในกลุ่มหน่วยงานภาครัฐ กลุ่มธุรกิจธนาคาร และสถาบันการเงิน ธุรกิจด้านประกันภัย กลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ ตลอดจนผู้ให้บริการโซลูชันด้านคลาวด์ และบริษัทอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และกลุ่มอาเซียน

ปัจจุบันลูกค้าของ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจในแวดวงทางการเงินการธนาคาร อาทิ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) รวมไปถึงผู้ให้บริการโซลูชั่น และอีคอมเมิรซ์ เป็นต้น

ซึ่งคาดว่ารายได้ในปีนี้ของ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย จะอยู่ที่ 200-300 ล้านบาท โดยประมาณ ซึ่งเราเชื่อว่าตลาดประเทศไทยยังสามารถโตเฉลี่ย ปีละ 10% จากแนวโน้มการใช้ทางเดต้าที่เพิ่มขึ้น

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ศุภวาที (บรรณาธิการและผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่