แรนซัมแวร์

เมื่อสองเดือนก่อน หน่วยงานราชการของเมืองแอตแลนต้า เมืองหลวงของรัฐจอเจียในสหรัฐอเมริกา ถูกโจมตีด้วย แรนซัมแวร์ ส่งผลให้ข้อมูลสำคัญต่างๆ เมืองถูกเข้ารหัสและเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง

เจ้าหน้าต้องใช้เงินราว 2.7 ล้านเหรียญต่อเดือนเพื่อพยายามแก้ไขระบบที่ได้รับผลกระทบและให้กลับมาทำงานได้ปกติ ซึ่ง แรนซัมแวร์ ได้ส่งผลกระทบต่อพนักงานเทศบาลในหลายแผนกไม่สามารถทำงานต่อได้ เนื่องจากข้อมูลสูญหาย และเมื่อไม่กี่วันมานี้ เจ้าหน้าได้ขออนุมัติเงินเพิ่มอีก 9.5 ล้านดอลลาร์ในการกู้ระบบกลับมา

โดยหลังจากการโจมตีเกิดขึ้น หน่วยงานรัฐได้ร่วมมือกับบริษัทเอกชนในการวิเคราะห์และรับมือมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น Daphne Rackey หัวหน้าสำนักงานข้อมูลแอตแลนตากล่าวว่า ข้อมูลที่ได้รับผลกระทบมีมากกว่า 30% ของข้อมูลทั้งหมด ประกอบไปด้วยโครงการการสำคัญกว่า 424 โครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาและเงินเท่าใดถึงจะกู้ข้อมูลกลับมาได้

ทั้งนี้ แฮคเกอร์ได้เรียกร้องเงินกว่า 51,000 เหรียญบิทคอยด์ (ราวๆ 11,000 ล้านบาท)  เพื่อจะปลดล๊อคไฟล์ให้ แต่เจ้าหน้าของรัฐไม่ยินดีที่จะจ่าย เนื่องจากจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดแฮคเกอร์หน้าใหม่มากขึ้น

และเมื่อไม่จ่ายเงิน เจ้าหน้าที่ก็ต้องยอมรับกับสภาพที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ของเมืองได้ ทั้งข้อมูลผู้อยู่อาศัย ข้อมูลการดำเนินงานต่าง ๆ ภายในเมือง และฐานข้อมูลต่าง ๆ ที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้

โดยหน่วยงานที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด คือกรมตำรวจของแอตแลนต้า โดย Matthew Condland นักวิจัยของกรมตำรวจแอดแลนต้ากล่าวว่า มีไฟล์หลักฐานสำคัญของคดีต่าง ๆ กว่า 105,000 ไฟล์ที่เสียและสูญหาย ซึ่งไม่สามารถกู้ข้อมูลกลับมาได้ 100% ถึงแม้จะจ่ายเงินให้กับแฮคเกอร์ก็ตาม

แล้วเราควรให้คามสำคัญกับการปกป้องข้อมูลได้หรือยัง ? ในปัจจุบัน ข้อมูลนับเป็นสิ่งสำคัญของการพัฒนาประเทศ นี่เป็นแค่เคสเดียวที่เกิดขึ้นแต่สามารถสร้างผลกระทบมหาศาล เพราะมุ่งเป้าไปที่ส่วนสำคัญที่สุดของเมือง ดังนั้นเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป หากเราจะพัฒนาประเทศโดยการใช้อมูลในการขับเคลื่อน

แรนซัมแวร์

Sorce : Infosecurity 

ติดตามเรื่องราว Cyberattack ได้ที่