ในโลกที่ทุกสิ่งทันสมัยมากขึ้นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ Smart Phone กลายเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวก แต่ในความสะดวกกับมาพร้อมกับปัญหาของล่วงล้ำสิทธิอย่างคาดไม่ถึง…


highlight

  • ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ “สปายแวร์” มากมาย ที่สามารถติดตั้ง เพ่ือใช้สอดแนมผู้บริโภคได้ บางชนิดฉลาดถึงขั้นที่ว่าสามารถสั่งให้เปิดไมโครโฟน และกล้องเมื่อไหร่ก็ได้ รวมไปถึงสามารถสั่งให้บันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัว
  • มีการเปิดเผยว่าปัจจุบันมีการขายโปรแกรม “spy on your ex-girlfriend” ที่ใช้สอดส่องอุปกรณ์ ในราคา 19.99 ดอลลาร์ ได้ทางออนไลน์

เมื่อ Smart Phone ล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัว?

นวัตกรรม และเทคโนโลยีอันทันสมัยได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน แต่ในทางกลับกัน เครื่องมือที่ทันสมัย และมอบความสะดวกสบาย กับช่องทางให้เกิดอาชญากรรมรูปแบบใหม่ และเกิดคำถามมากมายถึงความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่อาจเข้ามาละเมิดสิทธิพลเมือง เช่น สิทธิในความเป็นส่วนตัว ได้เช่นกัน

เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากที่โลกได้ก้าวไปสู่ยุคที่เราเรียกว่า “ยุคดิจิทัล” ที่แทบจะทุกคนใช้สมาร์ทโฟนเป็นเหมือนอวัยวะที่ 33 ของร่างกาย เพียงแต่หลายคนยังไม่ตระหนักถึงภัยคุกคามที่ตามมาเน่ืองจากไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นดังในหนัง “สายลับ” ได้จริง

หากคุณนึกภาพไม่ออกผู้เขียนแนะนำให้ลองกลับไปหาหนังเรื่อง สโนว์เดน (Snowden) หรือ แฉกระฉ่อนโลก (CitizenFour) ดู เพราะมันคือหนังที่สร้างขึ้นจากกรณีของ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Edward Snowden) อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายคอมพิวเตอร์ของ ซีไอเอ (CIA) 

ที่ออกมาเปิดเผยถึงโครงการลับสุดยอดที่ใช้ชื่อรหัสว่า “พริซึม” (prism) หรือการสอดแนมด้วยเทคโนโลยีที่ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) สำนักงานข่าวกรองกลาง (CIA) และสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐฯ (FBI) สามารถเข้าไปจารกรรม “ข้อมูลส่วนตัว”

ของประชาชนอเมริกัน และผู้ที่เข้าไปตั้งถิ่นฐานในประเทศ ด้วยการเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์แม่ข่าย หรือเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอที 9 แห่ง ได้แก่ ไมโครซอฟท์, กูเกิล, เฟซบุ๊ก, ยาฮู, แอปเปิล, เอโอเแอล, พาลทอล์ค, สไกป์, และยูทูบ

โดยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปค้นหาข้อมูลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ ภาพถ่าย คลิปเสียง หรือคลิปภาพเคลื่อนไหว และไม่นับรวมไปถึงการดักฟังโทรศัพท์ของมะกันชนกว่า 10 ล้านคน ตลอดจนการดักฟังเสียง วีดีโอ ข้อความแชท และการถ่ายโอนข้อมูล ต่าง ๆ

ของโปรแกรมสไกป์ หรือโปรแกรมติดต่อสื่อสารระหว่างกันผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยข้อความพร้อมเสียง และภาพจากกล้อง ที่อยู่บนคอมพิวเตอร์พกพาหลายท่านอาจคิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ไม่น่าจะมีใครมาสอดแนมคนปกติธรรมดาทั่วไป 

แน่นอนว่าความคิดนี้ไม่ผิดแต่ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะนั่นกำลังหมายถึงว่าคุณกำลังตั้งอยู่บนความประมาท และไว้ใจในเทคโนโลยีมากจนเกินปกป้อง หรือป้องกันตนเอง ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ที่เหล่าแฮกเกอร์ใช้ชุดคำสั่งป่วนวงจรอุปกรณ์ของคุณ

เพื่อใช้กล้องในสอดส่องพฤติกรรม แล้วนำไปประจานหรือเรียกค่าไถ่หากไม่ต้องให้เปิดเผยข้อมูล ก็จะเกิดขึ้นได้ โดยล่าสุดมีการเปิดเผยว่าปัจจุบันมีการขายโปรแกรม “spy on your ex-girlfriend” ที่ใช้สอดส่องอุปกรณ์ ในราคา 19.99 ดอลลาร์ ได้ทางออนไลน์ แล้ว

Smart Phone

ซีโรคลิกเทคโนโลยี (Zero Click Technology)

ไมก์ เมอร์เรย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์ของ Lookout ใน ซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นบริษัทที่ช่วยเหลือรัฐบาลต่าง ๆ ภาคธุรกิจ และผู้บริโภคในการรักษาข้อมูลของตัวเองให้ปลอดภัย ได้เคยออกมาให้ความเห็นว่า

ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ “สปายแวร์” (Spyware) มากมาย ที่สามารถติดตั้ง เพ่ือใช้สอดแนมผู้บริโภคได้ บางชนิดฉลาดถึงขั้นที่ว่าสามารถสั่งให้เปิดไมโครโฟน และกล้องเมื่อไหร่ก็ได้ รวมไปถึงสามารถสั่งให้บันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัว

รวมไปถึงสามารถแอบเข้าแอปพลิเคชันต่าง ๆ และโซเชียลมีเดียที่มีทุกแอพพลิเคชั่นฯ ได้ด้วย และสั่งให้ขโมยภาพถ่าย รวมไปถึงหมายเลขโทรศัพท์ และข้อมูลในปฏิทินของได้ รวมถึงอีเมล และเอกสารทุกอย่างที่มีในเครื่องได้

ซึ่งซอฟต์แวร์จำพวกสปายแวร์นี้ มักจะไม่ได้ดักจับสกัดข้อมูลที่อยู่ระหว่างทางของการส่ง (ซึ่งปกติจะถูกเข้ารหัสไว้) แต่สปายแวร์จะใช้ประโยชน์จากหน้าที่การทำงานต่าง ๆ ของโทรศัพท์เพื่อขโมย หรือสั่งก็ได้

และมีแนวโน้มเทคโนโลยีประเภทนี้จะมีการพัฒนาที่ก้าวหน้ามากขึ้น และแทบจะไม่สามารถตรวจจับได้เลย ซึ่งเคยมีหลายกรณีที่หน่วยงานรัฐใช้ซอฟต์แวร์สปายแวร์ในการติดตามหาผู้ก่อการร้าย อาทิ กรณีของ “เอล ชาโป” ผู้นำเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่แห่งเม็กซิโก 

ที่หลบหนีออกจากเรือนจำเป็นเวลา 6 เดือน แต่ทางการเม็กซิโกได้ใช้ซอฟต์แวร์สปายแวร์ตัวหนึ่ง และแอบใส่ในเครื่องของคนใกล้ชิด จนสามารถหาแหล่งกบดาน จะสามารถจับกุม “เอล ชาโป” ได้ในที่สุด แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยวิธีการ หรือชื่อของซอฟต์แวร์สปายแวร์นี้

แต่ก็มีความเป็นไปได้หากพิจารณาจากกรณีที่ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Edward Snowden) ได้ออกแฉรัฐบาลสหรัฐ 

นอกเหนือจากนี้ โลกของสปายแวร์วันนี้ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นที่เรียก “เทคโนโลยีที่ไม่ต้องใช้การคลิก” (zero click technology) แล้ว ซึ่งกรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีศึกษาของ วอตส์แอปป์ (WhatsApp) ที่เปิดช่องให้แฮกเกอร์ใช้เป็นช่องทางใน

Smart Phone

เข้าถึงซอฟต์แวร์ของโทรศัพท์ โดยเมื่อผู้ใช้เปิดแอปฯ แฮ็กเกอร์จะสามารถดาวน์โหลดสปายแวร์เข้าเครื่องของเจ้าของเครื่อง โดยที่ไม่ต้องคลิกลิงก์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่โทรศัพท์จะถูกเจาะเข้าระบบได้ด้วยการใช้แอปฯ นี้โทรออก และวางสาย

รวมไปถึงสอดส่องการพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ทำให้ วอตส์แอปป์ ต้องรีบแก้ไขปัญหานี้ให้แก่ผู้ใช้งาน 1,500 ล้านคน และในทุกวันนี้ยังไม่มีรู้ว่า ใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการแฮ็กในครั้งนี้

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีข่าวว่า ว่า มาร์ค ซักเกอร์เบริก เจ้าพ่อโซเชียลมีเดียของโลก อย่าง “เฟสบุ๊ค” (Facebook) ยังปิดคลุมกล้องเลนต์ถ่ายรูปในสมาร์ทโฟนของเขา รวมไปถึงทำบางสิ่งบางอย่างกับช่องต่อไมโครโฟนหูฟัง

ฟังแล้วเหมือนเรื่องตลกชวนขบขัน แต่คำถามคือเราควรทำแบบนั้นหรือไม่ คำตอบคือ ใช่ หากเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการจะโทรศัพท์ หรือ สไกป์ ติดสติกเกอร์ปิดกล้องเว็บแคมไว้ น่าจะวิธีที่ดีที่สุดที่คุณทำได้เพื่อความเป็นส่วนตัวของคุณ

แม้เราอาจจะคิดว่าคุณไม่มีอะไรที่จะปกปิด อย่างน้อยที่สุด หากว่าในชีวิตของคุณคุณมีลูก ๆ ที่เป็นวัยรุ่น เราก็ควรจะแน่ใจว่าได้ปิดช่องกล้องของลูกๆ เพื่อปกป้องพวกเขา

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบ และข้อมูลบางส่วนจาก : www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่ eleaderfanpage