กรณีศึกษาต่อไปนี้จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทีซีซี เทคโนโลยี (TCCT) ด้านความสามารถในการตอบโจทย์ตามมาตรฐานระดับสูงของกลุ่มบริษัทประกันชีวิตชั้นนำที่มีสาขาอยู่ทั่วภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก โดยสอดคล้องกับเป้าประสงค์ของบริษัทในการปฏิรูปองค์กร พร้อมทั้งปรับปรุงกระบวนการภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทีซีซี เทคโนโลยี (TCCT) ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานไอทีชั้นนำของไทยเผยข้อมูลด้านความสามารถในการตอบโจทย์มารตฐานในการทำ Data Center ให้กับกลุ่มบริษัทประกันชีวิตเอไอเอ โดยทำให้เอไอเอสามารถปรับปรุงและบริการการทำงานภายในองค์กรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Data Center ถือเป็นรากฐานของการบริหารจัดการข้อมูลขององค์กร เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงการเลือกใช้งานสินทรัพย์พื้นฐานประเภทดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า องค์กรบางแห่งเลือกใช้ Data Center ที่มีการบริหารจัดการภายใน (On-Premise) ขณะที่บางองค์กรเลือกใช้ผู้ให้บริการ Data Center มืออาชีพ
นอกจากนั้นยังรวมถึงบริการคลาวด์พื้นฐาน (Cloud Infrastructure-as-a-Service หรือ IaaS) แม้ว่าบางองค์กรจะยังมีความไม่มั่นใจในการบริหารจัดการข้อมูลบนคลาวด์อยู่บ้าง แต่ขณะเดียวกันทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยนั้นก็มีแนวโน้มการใช้บริการ Data Center มากขึ้น
ไอดีซี ประเทศไทย ประมาณการว่าตลาดการให้บริการ Data Center ซึ่งรวมถึงบริการโครงสร้างพื้นฐาน (Hosting Infrastructure Services) การบริหารจัดการแอพพลิเคชัน (Hosted Application Management) และบริการโครงข่ายและอุปกรณ์ปลายทาง (Network and Endpoint Outsourcing Services) จะเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีกว่าร้อยละ 18 ระหว่างปีพ.ศ. 2558-2563
เอไอเอ ประเทศไทย
เอไอเอ ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลา 79 ปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2481 และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทเอไอเอ กลุ่มบริษัทประกันชีวิต ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย กลุ่มบริษัทเอไอเอ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกงและมีสาขาอยู่ใน 17 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก บริษัทให้บริการลูกค้าคนไทยกว่า 5.5 ล้านคน กรมธรรม์ประกันภัยกว่า 8 ล้านฉบับ และลูกค้าองค์กรกว่า 1.8 ล้านคน โดยให้บริการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตหลากหลายประเภท ทั้งเพื่อความคุ้มครอง เพื่อการสะสมทรัพย์ ประกันชีวิตสำหรับผู้เกษียณอายุ ประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการสวัสดิการประกันกลุ่ม ประกันสินเชื่อ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกด้วย
เอไอเอกับนวัตกรรมสู่ความก้าวหน้า
เอไอเอ ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจด้วยปรัชญาที่โดดเด่นกว่าบริษัทประกันชีวิตส่วนใหญ่ และมุมมองความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างทันท่วงที การสร้างนวัตกรรมสำหรับกระบวนการภายในองค์กรและการให้บริการลูกค้าของเอไอเอ แสดงให้เห็นถึงปณิธานอันมุ่งมั่นในการปรับโฉมธุรกิจรวมถึงพัฒนาประสบการณ์ในการใช้บริการของผู้ใช้งาน (User Experience) ให้ดียิ่งขึ้น
นวัตกรรมและดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันถือเป็นตัวแปรสำคัญที่เอไอเอ ประเทศไทย ประยุกต์ใช้กับกระบวนการภายในและการให้บริการลูกค้าในรูปแบบต่าง ๆ สำหรับการปฏิบัติงานภายในขององค์กรเอไอเอมีแผนย้ายระบบและแอพพลิเคชันบางระบบที่เหมาะสม ไปสู่พับลิคคลาวด์ (Public Cloud)
โดยเป็นไปตามมาตรฐานและความปลอดภัยที่กำหนด นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนนำนวัตกรรมและการปรับใช้ดิจิทัลในองค์กรมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มผลิตผล (Productivity) ให้กับการปฏิบัติงานภายในองค์กรและตัวแทนประกันชีวิตอีกด้วย
สำหรับเอไอเอ ประเทศไทย ตัวแทนประกันชีวิตเป็นแรงผลักดันสำคัญมาตั้งแต่เริ่มประกอบธุรกิจและทำให้บริษัท เจริญเติบโตได้จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงมุ่งพัฒนาเครื่องมือการขายให้กับตัวแทนประกันชีวิต อาทิ แอพพลิเคชันไอโพส + (Interactive Point of Sale – iPoS+) บนไอแพด ซึ่งจะสามารถทำการวิเคราะห์ความจำเป็นทางการเงินของลูกค้า (Financial Needs Analysis) ได้ ทั้งนี้ยังสามารถสร้างใบเสนอราคา กรอกใบสมัครพร้อมลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ และชำระเงินออนไลน์ได้อีกด้วย ไอโพส+ จะส่งข้อมูลการสมัครของลูกค้าไปยังกระบวนการทางธุรกิจ (BPM) โดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถลดขั้นตอนการทำงาน ลดระยะเวลาการเสนอราคาให้ลูกค้า รวมถึงเพิ่มประสบการณ์การใช้งานและประสิทธิภาพการทำงานของตัวแทนประกันชีวิตอีกด้วย
ปฏิรูปธุรกิจสู่ความสำเร็จ
เอไอเอ ประเทศไทย ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงด้านไอทีในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานหลัก นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 กลุ่มบริษัทเอไอเอได้วางแผนปฏิรูประบบงานไอทีของทุกสาขาในทุกประเทศ สำหรับสาขาประเทศไทยนั้นได้มีการวางแผนขยายและปรับปรุงระบบ Data Center ก่อน
โดยให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ จากเดิมที่บริษัทได้ทำการบริหารจัดการระบบ Data Center (On-Premise) มาเป็นเวลากว่า 25 ปี บริษัทดำเนินนโยบายตามแผนของกลุ่มบริษัทเอไอเอและคำนึงถึงทางเลือกทั้งหมดที่มี ตั้งแต่การปรับปรุงระบบ (Upgrade) ให้ทันสมัย การสร้าง Data Center แห่งใหม่ การใช้ผู้ให้บริการ Data Center มืออาชีพ ฯลฯ แต่ด้วยข้อจำกัดของ Data Center ที่ตั้งอยู่ภายในอาคารสำนักงานของบริษัท ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงให้ผ่านมาตรฐานตามที่บริษัทต้องการได้
ส่วนการสร้าง Data Center ใหม่ก็มีค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลและใช้เวลานาน “ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดคือการใช้ผู้ให้บริการ Data Center มืออาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกในปัจจุบัน” กิตติ มานะคงตรีชีพ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าว
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกผู้ให้บริการโคโลเคชัน (Colocation Provider)
การพิจารณาเลือกผู้ให้บริการของเอไอเอ ใช้ 2 หลักเกณฑ์คือ 1. Data Center ที่เลือกใช้จะต้องมีที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 และพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545
ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลสุขภาพของประชากร โดยเอไอเอได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับข้อมูลสุขภาพของลูกค้า ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดในเรื่องการรักษาข้อมูลในอุตสาหกรรมประกันชีวิตและภาคสาธารณสุข เพื่อให้สามารถดำเนินการตามกฎเกณฑ์และกฎหมายข้างต้น ทางบริษัทจึงพิจารณาเลือกผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานโคโลเคชันมืออาชีพที่อยู่ในประเทศ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุด
2.การร่างข้อเสนอ (Request for Proposal) ที่มีการกำหนดเงื่อนไขโดยกลุ่มบริษัทเอไอเอ โดยจะต้องเลือกใช้ “บริการที่มีคุณภาพสูง” เพื่อให้มั่นใจว่าระบบปฏิบัติการในประเทศไทยจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและยอดเยี่ยม “ครั้งแรกที่ผมเห็นเงื่อนไขในร่างข้อเสนอ ผมไม่มั่นใจว่าจะมีผู้ให้บริการกี่รายที่ผ่านเกณฑ์นี้ได้” กิตติ กล่าว
Data Center ทั้งสามแห่งของทีซีซีเทคอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดีและน่าเชื่อถือ โดย Data Center แห่งหนึ่งนั้นผ่านการประเมินตามเงื่อนไขของกลุ่มบริษัทเอไอเอและเอไอเอ ประเทศไทย ด้วยเหตุนี้จึงได้รับคัดเลือกให้เป็น Data Center แห่งที่สอง ซึ่งเป็นการให้บริการประเภทที่ต้องพร้อมให้บริการทันทีในกรณีศูนย์หลักเกิดการขัดข้อง (Active/Standby Failover)
เมื่อหลัก Data Center ไม่สามารถทำงานได้ แอพพลิเคชันของเอไอเอ ประเทศไทย จะเริ่มทำงานบน Data Center แห่งที่สองภายในระยะเวลา 15 นาทีถึง 4 ชั่วโมง ตามความสำคัญของแต่ละแอพพลิเคชัน กิตติประเมินว่าบริการของทีซีซีเทคอยู่ในระดับมาตรฐานสูง น่าเชื่อถือ และมีความเป็นมืออาชีพ
การวางแผนอนาคต
ในอนาคตเอไอเอ ประเทศไทย เชื่อมั่นที่จะดำเนินธุรกิจโดยใช้บริการคลาวด์และ Data Center เพิ่มขึ้น โดยในปี 2560 บริษัทจะทำการปรับเปลี่ยนจากระบบเดิมมาใช้บริการ Data Center ของทีซีซีเทค พร้อมด้วยประสบการณ์ความชำนาญและบริการ Data Center คุณภาพสูง ในการโอนย้ายและสำรองข้อมูลจะถูกทำและทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น
ในภาพรวมบริการ Data Center จากทีซีซีเทค มีส่วนช่วยสนับสนุนให้เอไอเอ ประเทศไทย มุ่งมั่นใส่ใจกับธุรกิจหลักขององค์กรและพัฒนาบริการสำหรับลูกค้า รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการให้ดียิ่งขึ้นและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าทั้งภายในและภายนอกองค์กร
บริการโคโลเคชันและการปรับเปลี่ยนด้านไอทีทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและยกระดับมาตรฐาน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือสู่เสถียรภาพของการให้บริการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อการให้บริการที่ดีที่สุดต่อลูกค้าและตัวแทนประกันชีวิตต่อไป