การ์เนอร์ ชี้ ออโตโนมัส (Autonomous) บริการคลาวด์ ที่ ผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศ หรือซีไอโอ (CIO) ขององค์กรไปเป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กร
Autonomous เทคโนโลยีที่ CIO ต้องเตรียมพร้อม
รายงาน ผลสำรวจ 2018 CIO Agenda (วาระทางการทำงานของซีไอโอแห่งปี 2561 ของการ์ทเนอร์ระบุว่า ผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศ (ซีไอโอ) ขององค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ให้บริการ (ไอที) ภายในองค์กรไปเป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับองค์กร
โดยการลงทุนกับเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกต่างๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI), อินเทอร์เน็ตออฟธิงค์, บล็อกเชน และอื่นๆ
การส่งเสริมนวัตกรรมและพัฒนาความก้าวหน้าต่อๆ ไปให้ได้มากที่สุดจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากคลาวด์คอมพิวติ้ง – บริการต่างๆ ที่ทำงานได้อย่างอิสระด้วยตนเอง (Autonomous Services) ที่เป็นเทคโนโลยีรุ่นต่อไป เพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
เอสมันต์ ธง รองประธานกรรมการและผู้จัดการทั่
ด้วยการให้คำแนะนำวิธี
คุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นส่
ตั้งแต่ฐานข้อมูลไปจนถึงการพั
ปิดช่องว่างทางด้านทักษะ
นอกจากนี้ผลสำรวจ 2018 CIO Agenda ของการ์ทเนอร์ พบอีกว่าว่า ซีไอโอมากกว่าหนึ่งในสามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ใช้แล้ว หรือมีแผนระยะสั้นในการใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสนใจในเทคโนโลยีต่างๆ ที่เอื้อให้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้มีประสิทธิภาพขึ้นโดยลงมือทำด้วยคนน้อยลง ได้เกิดขึ้นเป็นอย่างมากในภูมิภาคนี้
กล่าวได้ว่าเป็นความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงที่ทุกคนเริ่มยอมรับแล้วซึ่งจากข้อมูลของ Willis Towers Watson ก็ชี้ไปในทางเดียวกันว่า 63% ของนายจ้างในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างพยายามสรรหาและดึงดูดความสนใจคนที่มีทักษะด้านต่างๆ มาทำงานกับองค์กร
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมซีไอโอจึงต้องการโซลูชั่นที่จะช่วยให้พนักงานที่มีความสามารถพิเศษที่องค์กรมีอยู่ สามารถใช้เวลาที่มีไปทำงานที่สร้างมูลค่าให้กับองค์กรได้มากกว่างานพื้นๆ ทั่วไป ข้อมูลจาก IDC ระบุว่าค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน
ในปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 75% ของค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการฐานข้อมูลทั้งหมด ดังนั้น การปรับกลยุทธ์การสับเปลี่ยนกำลังคนและการมอบหมายหน้าที่ให้กับพนักงานจึงหมายถึงการประหยัดเวลา และเงินจำนวนมาก
ทำงานอย่างชาญฉลาด
นอกจากความต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ซีไอโอยังต้องการการทำงานที่รวดเร็วและชาญฉลาดมากขึ้น เพื่อนำพาธุรกิจไปในทิศทางที่มีความตื่นเต้นมากขึ้น และออโตโนมัสก็เป็นกุญแจสำคัญที่นำสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายดังกล่าว
บริษัทฟอร์ท สมาร์ท ในประเทศไทยได้ใช้งานออโตโนมัส คลาวด์ ในขั้นเริ่มต้น และสามารถทำงานได้เร็วขึ้นมากถึง 80 เท่า เช่นเดียวกันกับบริษัทเอคเซนเชอร์ (Accenture) ที่ต้องการพัฒนาการบริหารจัดการพนักงานฝ่ายบริการจำนวนมากให้ดีขึ้น
การทดลองใช้งานโซลูชั่นออโตโนมัส คลาวด์ มาบริหารแอปพลิเคชั่นที่อัดแน่นด้วยข้อมูลทางด้านทรัพยากรมนุษย์ ช่วยให้บริษัทได้รับข้อมูลเชิงลึกเฉพาะบุคคล (Personalized) ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อนำมาช่วยในการดำเนินการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับพนักงานได้รวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
สร้างความยืดหยุ่นแบบดิจิทัล
บริการต่างๆ ที่เป็นแบบออโตโนมัสจะช่วยลดทอนความผิดพลาดในการทำงานที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของการทำงานในหลายภาคส่วน เช่นในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย รายงานจากการ์ทเนอร์ระบุว่า ภายในปี พ.ศ. 2565 ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัทหนึ่งๆ
จะมีความสำคัญเทียบเท่ากับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของลูกค้า ผู้จัดจำหน่าย และคู่ค้าของบริษัท อย่างไรก็ตาม ปัญหาการโจมตีระบบความปลอดภัยและการฝ่าฝืนกฎเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมนุษย์ไม่สามารถตั้งรับได้ทันท่วงที ทั้งนี้การ์ทเนอร์ได้คาดการณ์ไว้ว่า
ความล้มเหลวของระบบรักษาความปลอดภัยคลาวด์ประมาณ 95% มีสาเหตุมาจากความผิดพลาดของลูกค้า ขณะที่การทำงานของเอไอและระบบออโตเมชั่นจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถตรวจสอบ ป้องกัน และจัดการกับการละเมิดความปลอดภัย รวมถึงความผิดปกติในการทำงาน
และจุดอ่อนสำคัญต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ หนทางเดียวที่องค์กรต่างๆ จะสามารถจัดลำดับความสำคัญและทบทวนรายละเอียดในการป้องกันข้อมูลของพวกเขาอีกครั้งได้นั้น คือการให้แมชชีนเหล่านี้ต่อสู้โต้ตอบกันเอง
โอกาสสำหรับธุรกิจขนาดย่อม
ระบบออโตโนมัสไอที จะสร้างประโยชน์แก่ธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เนื่องจากยุคสมัยดิจิทัลที่มีความคล่องตัวในปัจจุบัน ทำให้ขนาดและความรวดเร็วนั้นไม่เพียงพอต่อการอยู่รอด องค์กรหลายแห่งจะต้องทำธุรกิจอย่างชาญฉลาด
เพื่อที่จะสามารถขับเคลื่อนไปยังทิศทางที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว และนั่นเป็นสิ่งที่ระบบออโตโนมัส คลาวด์ ช่วยให้บริษัทต่างๆ ทำเช่นนี้ได้ ออโตโนมัส ช่วยให้ธุรกิจที่ไม่มีผู้ดูแลจัดการฐานข้อมูลหรือฮาร์ดแวร์ สามารถใช้โซลูชั่นต่างๆ เช่นโซลูชั่นด้านแวร์เฮ้าส์ได้ทันทีเป็นครั้งแรก
QMP Health ซึ่งเป็นบริษัทขนาดเล็ก ได้ใช้เวลาในการค้นพบความไร้สมรรถภาพและเตรียมผลทดลองต่างๆ ที่ได้จากในแล็ปได้ภายใน 1 ชั่วโมง จากที่เคยต้องใช้ระยะเวลาถึง2 สัปดาห์ในการดำเนินงาน เมื่อผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ก็ทำให้ธุรกิจของบริษัทมีความได้เปรียบมากกว่าคู่แข่งรายใหญ่อื่นๆ
นอกจากนี้ การ์ทเนอร์ ยังได้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า บริการออโตโนมัส จะกลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เหล่าซีไอโอในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่างกระตือรือร้นที่จะนำมาใช้งานในอนาคตอย่างแน่นอน สิ่งที่กล่าวมานี้ เป็นเหตุผลที่เราคาดว่า ในอีกสองปีข้างหน้า ข้อมูลระดับองค์กรจำนวนเกินครึ่งจะได้รับการบริหารจัดการโดยอัตโนมัติ
และการปฏิบัติงานทางด้านไอทีที่ใช้มนุษย์เป็นคนทำงานดังกล่าวจำนวน 20,000 กระบวนการต่อปี จะค่อยๆ ลดลงเหลือเพียงแค่ 20 กระบวนการเท่านั้น เนื่องจากระบบออโตเมชั่นอัจฉริยะขั้นสูงได้เข้ามามีบทบาทในแพลตฟอร์มคลาวด์มากขึ้น
บริการออโตโนมัสที่ทรงประสิทธิภาพ สามารถทำการอัพเดตแพทช์อัตโนมัติ ปรับเปลี่ยนอัตโนมัติ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นเพียงคุณสมบัติเบื้องต้นเท่านั้น จากนี้อีกไม่นาน เราจะได้เห็นบริการคลาวด์ที่จะมอบความเรียบง่าย
การบริการและการปกป้องความปลอดภัยโดยอัตโนมัติที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของธุรกิจ เร่งผลักดันให้เกิดนวัตกรรมที่เป็นพลังขับเคลื่อนรูปแบบใหม่ หลายองค์กรในปัจจุบันพร้อมแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แล้วคุณล่ะ พร้อมหรือยัง
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Digital Content)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่