ปัจจุบันเราคงคุ้นเคยกับ “Hybrid Cloud” หรือ คลาวด์ลูกผสม มากขึ้น แต่มักจะมีคำถามว่าจริง ๆ แล้วธุรกิจ ที่ต้องการก้าวสู่ดิจิทัลจำเป็นต้องใช้คลาวด์แบบไหน?
highlight
- การใช้งานแอปพลิเคชันและข้อมูลอื่น ๆ ที่่ได้ทวีความซับซ้อนมากขึ้น และกฎระเบียบการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ CIO ส่วนใหญ่ ต้องการใช้ คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ที่สามารถเอื้อต่อความสะดวกในการใช้งาน และเคลื่อนย้ายของข้อมูล และแอปพลิเคชัน ด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าว ข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชันต่าง ๆ จากคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) และคลาวด์ส่วนบุคคลจะแลกเปลี่ยนกันอย่างปลอดภัยในการดำเนินงานในแต่ละส่วนจะยังคงความเป็นอิสระอย่างเต็มที่ และยังสามารถร่วมกันปกป้องการรั่วไหลของข้อมูลจากแพลตฟอร์มหนึ่งไปยังอีกแพลตฟอร์มหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งด้วยความสามารถที่ Hybrid Cloudมี ทำให้ปัจจุบันตลาด ไฮบริดคลาวด์ทั่วโลกจะมี
แนวโน้มการเติบโตจาก 38.27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2560 เป็น 97.64 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2566
Hybrid Cloud คำตอบที่องค์กรต้องเลือก?
ตั้งแต่ปี 2561 คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ได้ก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาสำคัญ โดยยอดจำหน่
โดยเพิ่มขึ้นจาก 43.6% จากปีก่อน และกลายมาเป็
อย่างไรก็ตาม การรู้ว่าต้องทำอะไร และความสามารถในการทำสิ่งนั้น ๆ ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดนั้นเป็
ด้วยสภาพแวดล้อมของการให้บริการ ของผู้ให้บริการ และของคลาวด์คอมพิวติ้งที่มีเลื
แม้ว่าการโยกย้ายจากแอปพลิเคชัน เช่นเว็บและอีเมลหลัก (E-mail Hosting) ไปยังผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะเช่น Amazon Web Services (AWS) หรือ ไมโครซอฟท์ นั้นสามารถทำได้อย่างตรงไปตรงมา แต่การทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องเรียบง่ายตรงไปตรงมาเสมอไป และการใช้งานแอปพลิเคชันและข้อมูลอื่น ๆ
ได้ทวีความซับซ้อนมากขึ้นอีกด้วย และด้วยกฎระเบียบ และการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น เช่นกฎการคุ้มครองข้อมูลทั่วไป (GDPR) และข้อมูลภายในองค์กรที่สำคัญ และมีความละเอียดอ่อนเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ต้องการมาตรการความเข้มงวดในการปกป้องข้อมูล
เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลจากการคุกคามของคู่แข่ง หรือการกระทำที่ไม่น่าเชื่อถือของรัฐฯ ในหลายกรณี มาตรการเข้มงวดดังกล่าวถือเป็นการปกป้องข้อมูลอย่างสมเหตุสมผล และเป็นที่ต้องการในหลาย ๆ องค์กร
เพื่อจัดเก็บข้อมูลองค์กรที่มีความละเอียดอ่อนบนระบบคลาวด์ส่วนบุคคล โดยแยกจากระบบอื่นๆ และมีเพียงผู้ใช้งานบางกลุ่มที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ จึงมักจะมีคำถามมาเพิ่มว่า แล้วจะมีโซลูชั่นที่ตอบโจทย์หรื
นับว่าเป็นความโชคดีสำหรับองค์
แต่ทว่าทั้ง 2 คำนี้มีความหมายที่แตกต่างกั
ในขณะที่ “Hybrid Cloud” เชื่อมต่อคลาวด์สาธารณะ และคลาวด์ส่วนบุคคล ซึ่งประสานการดำเนินงานโดยเทคโนโลยีจากผู้ถือครองหรือโครงสร้างแฟบริคที่เอื้อต่อความสะดวกในการใช้งาน และเคลื่อนย้ายของข้อมูล และแอปพลิเคชัน ด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าว ข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชันต่าง ๆ จากคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud)
และคลาวด์ส่วนบุคคลจะแลกเปลี่ยนกันอย่างปลอดภัย จึงอาจสรุปได้ว่า Multi-cloud อาจไม่จำเป็นต้องมีการจัดเรียงในรูปแบบไฮบริดเสมอไป ในขณะที่ไฮบริดคลาวด์คือรูปแบบหนึ่งในการจัดเรียงแบบ Multi-cloud ดังนั้น Hybrid Cloud สามารถผสมผสานคลาวด์ส่วนบุคคล และ Public Cloud
รวมไปถึงโครงสร้างแบบภายในองค์กรได้อย่างสะดวก และลงตัว แม้ว่าภายในสภาพแวดล้อมดังกล่าวจะประกอบด้วยรูปแบบโครงสร้างและการดำเนินงานร่วมกันที่หลากหลาย การดำเนินงานในแต่ละส่วนจะยังคงความเป็นอิสระอย่างเต็มที่
และยังสามารถร่วมกันปกป้องการรั่วไหลของข้อมูลจากแพลตฟอร์มหนึ่งไปยังอีกแพลตฟอร์มหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขับเคลื่อนสู่การเป็นผู้ นำเทคโนโลยีที่โดดเด่น
จากผลการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้คาดการณ์ว่า ตลาดไฮบริดคลาวด์ทั่วโลกจะมี
ขณะที่ตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งทั่
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่รูปแบบไฮบริดเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจเฉพาะกลุ่ม (์Niche Market) ส่งผลให้ปัจจุบัน รูปแบบไฮบริดสามารถครอบคลุมธุรกิจดังกล่าว และผลักดันศักยภาพของไฮบริดคลาวด์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป้นการที่ ไมโครซอฟท์ซื้อ Avere บริษัทที่ขายระบบจัดเก็บและจัดการข้อมูลแบบไฮบริดคลาวด์ ด้วยความคาดหวังว่าจะสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าของ Avere เพื่อนำเสนอบริการไฮบริดคลาวด์รูปแบบใหม่แก่ลูกค้า หรือ IBM เข้าซื้อกิจการ Red Hat
แม้กระทั่งผู้ให้บริการระบบคลาวด์สาธารณะที่แข็งแกร่งอย่าง Amazon Web Services (AWS) ก็เพิ่งมีการประกาศให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถผนวกการดำเนินงานร่วมกับคลาวด์ เพื่อนำเสนอรูปแบบการจัดการข้อมูลแบบ local-plus-cloud แก่องค์กร เพื่อเพิ่มความคล่องตัวทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น
ซึ่งข้อเท็จจริงก็คือไม่ว่าผู้ให้บริการคลาวด์จะมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันอย่างไร ไฮบริดคลาวด์จะสามารถผสานทรัพยากรของพับลิคคลาวด์ และไพรเวทคลาวด์ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิผลทางธุรกิจ และสร้างสรรค์นวัตกรรม ทั้งยังช่วยลดทอนความล่าช้าในการดำเนินงาน เสริมสร้างความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของธุรกิจได้อีกด้วย
ทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี ผู้จัดการประจำประเทศไทย นูทานิคซ์ ให้ความเห็นว่า กว่า “Hybrid Cloud” จะได้รับการยอมรับ ไม่ได้รับการยอมรับในช่วงเริ่มต้นที่นำเข้าสู่ตลาด จนถึงการยอมรับและนำไปปรับใช้ในที่สุด ในทางกลับกัน ผู้ให้บริการหลากหลายที่เคยชื่นชมในประสิทธิภาพของพับลิคคลาวด์ก็เริ่มซบเซาลง
Hybrid Cloud จึงกลายเป็นเทคโนโลยีหลักที่น่าจับตามอง สามารถตอบโจทย์และส่งเสริมศักยภาพของคลาวด์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้ว่ามีผู้ริเริ่มปรับใช้ และสรรสร้างนวัตกรรมจำนวนมากต่างต้องการปรับใช้งานเป็นรูปแบบไฮบริด
แต่ยังคงมีความกังวลถึงความคล่องตัวทางธุรกิจและตระหนักถึงข้อจำกัดในการมีโซลูชั่นเพียงรูปแบบเดียวของพับลิคคลาวด์ ซึ่งความกังวลเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ในองค์กรปัจจุบัน เนื่องจาก ธุรกิจมากมายมองหาความอิสระในการลงทุน ในการสร้างสรรค์ และการสร้างนวัตกรรม
ดังนั้น ความสามารถในการเข้าถึงและจัดการระบบคลาวด์ได้ทันทีจึงเป็นกุญแจสำคัญต่อวิสัยทัศน์ดังกล่าว องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์จะสามารถมุ่งเน้นในการบริการเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า และกำหนดทิศทางของแผนธุรกิจในอนาคต ด้วยเหตุนี้ จึงมีเพียงไฮบริดคลาวด์เท่านั้นที่สามารถตอบโจทย์ความสำเร็จนี้ได้
วันนี้การแข่งขันของคลาวด์หลากหลายรูปแบบในปัจจุบัน ส่งผลให้ธุรกิจจำนวนมากเกิดความกระตือรือร้นในการวางแผนวิสัยทัศน์ เพื่อพัฒนา รองรับ และยกระดับประสิทธิภาพของธุรกิจในอนาคต
ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์รูปแบบใหม่ที่กำลังปลุกกระแสวงการไอทีอย่างไฮบริดคลาวด์ อัตราการเติบโตจากผลการวิจัยเบื้องต้นอาจเพิ่มสูงขึ้นเหนือความคาดหมายในระยะยาวก็เป็นได้
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการและผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่