SEAC

SEAC แนะธุรกิจยุคใหม่จำเป็นต้องเร่งเครื่องพัฒนาทักษะบุคลากรภายในองค์กร เชื่อภายใน 3 ปี (พ.ศ.2565) กว่า 50% ขององค์กรทั่วโลกต้องการบุคลากรที่มีทักษะใหม่ ๆ มากกว่าที่มีในปัจจุบัน พร้อมดึง 6 องค์กร แนวหน้าของไทย ร่วมสร้างหลักสูตรปรับทักษะ (Reskil) ของ บุคลากร ภายในองต์กร ผ่านโมเดลการเรียนรู้ “YourNextU”…

highlight

  • SEAC แนะธุรกิจยุคใหม่จำเป็นต้องเร่งเครื่องพัฒนาทักษะบุคลากรภายในองค์กร เชื่อภายใน 3 ปี (พ.ศ.2565) กว่า 50% ขององค์กรทั่วโลกต้องการบุคลากรที่มีทักษะใหม่ ๆ มากกว่าที่มีในปัจจุบัน  ล่าสุดดึง 6 องค์กรระดับ แนวหน้าของประเทศไทย เข้าร่วมปฏิรูปทักษะ ผ่านโครงการ YourNextU

SEAC แนะองก์กรไทยเร่งพัฒนาทักษะบุคลากร ภายใน 3 ปี 

อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC กล่าวว่า ก่อนที่จะไปถึงเรื่องของการพัฒนา หรือปรับปรุงทักษะของบุคลากร ภายใน องค์กรจะต้องเข้าใจก่อนว่า ปัญหาขององค์กรคืออะไร ปัจจุบันตำแหน่งที่ยืนอยู่ที่จุดไหน อะไรความท้าทายใหม่ ๆ

ที่กำลังจะเข้ามามีผลกระทบกับองค์กร และจะเข้ามาในรูปแบบไหนบ้าง ขณะที่ปัจจุบัน ความพร้อมของอค์กรนั้นอยู่ระดับใดโดยเฉพาะในวันนี้ ยิ่งเศรษฐกิจแข่งขันกันมากขึ้นเท่าไหร่ เราต้องยิ่งปรับเปลี่ยนและปรับตัวเร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น หากเพียงก้าวพลาดหรือหยุดพัฒนา หรือ อาจจะหลงทาง และไล่ตามคู่แข่งไม่ทัน

โดยสภาพเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบัน ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของการแค่ยกระดับองค์กรให้ก้าวตามทันกับการแข่งขันที่รุนแรง และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยภายใน 3 ปี (พ.ศ.2565) หลังจากนี้ องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก กำลังต้องการบุคลากรที่มีทักษะมากกว่า 1 อย่างขึ้นไป

และต้องการที่จะปรับปรุงทักษะเดิม (reskill)  รวมไปถึงเพิ่มทักษะ (upskill) ที่จำเป้นต่อการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้ก้าวทันการแข่งขันมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีวันนี้เป็นเรื่องที่ทุกองค์กรต่างทราบกันดีว่าจะต้องเร่งปรับปรุง และเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพธุรกิจของตนเอง

แต่ที่ยังเป็นอุปสรรค คือความพร้อมทางด้านทักษะของ บุคลากร ที่มีอยู่ในภายในองค์กร ที่วันนี้ยังไม่สามารถหลุดกรอบความคิอ และแนวทางปฎิบัติรูปแบบเดิม ๆ ได้ ทำให้องค์กรติดกับดักทางเทคโนโลยี ที่แม้จะมีการลงทุนไปอย่างมหาศาล แต่หาคนใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

ดังนั้นการเริ่มลงทุนในการปฏิรูป “ทรัพยากรมนุษย์” หรือ “คนในองค์กร” ให้สามารถก้าวข้ามผ่านเรื่องเดิม ๆ คือ “จุดเปลี่ยนสู่ความท้าทายในอนาคต” กล่าวคือจำเป็นต้องพัฒนาไปพร้อมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

และสามารถอยู่รอดท่ามกลางโลกดิสรัปชั่น (Disruption) ธุรกิจได้ การเสริมทักษะใหม่ (upskill) และการเพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น (reskill) ให้แก่ บุคลากร จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง และต้องดำเนินการในทันที ไม่ว่าพนักงานจะเห็นด้วย หรือไม่ก็ตาม

ทำไมต้อง Reskill และ Upskill?

ทำไมต้องพัฒนาทักษะให้บุคลากร นั่นก็เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ตลาดที่แข่งขันรุนแรง  ทำให้กระบวนการทำงานไม่สามารถทำได้ในทักษะเดิม ๆ ที่มีอยู่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทักษะเดิมที่มีอยู่จะไม่ดี แต่เราแค่เพียงเพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น (reskill) ด้วยการทำเอาเทคโนโลยีเข้าไปเสริม

ในงานที่ต้องทำในหน้าที่อื่น ๆ ได้ ขณะที่การเสริมทักษะใหม่ (upskill) คือการเพิ่มความสามารถของพนักงานในเนื้องานเดิม หรือทักษะเดิม แต่ให่สอดรับกับบริบทใหม่ ๆ ของงาน ซึ่งการทำเช่นนั้นก็จะเพิ่มคุณค่าให้ตัวบุคลากรเองด้วย และจะกลายเป็นสิ่งที่ช่วยให้บุคลากรเข้าใจในเป้าหมายขององค์กรอีกด้วย

และจะกลายเป็นตัวตัดสินชี้ชะตาถึงความอยู่รอดขององค์กร ในอนาคต ได้ แต่จะทำอย่างไรที่จะช่วยทำให้ บุคลากร ภายในองค์กรสามารถเพิ่มทักษะตัวเองเพื่อให้รองรับกับภาระงานที่เปลี่ยนแปลงไป? ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่สามารถทำให้เปลี่ยนได้รวดเร็วหากทำเพียงลำพัง

ดึง 6 องค์กรชั้นนำไทย ร่วมสร้างหลักสูตรพัฒนาทักษะ 

ซึ่งการจะเพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น (reskill) และเสริมทักษะใหม่ (upskill) แต่จะต้องเกิดจากความเข้าใจ และวางกลยุทธ์ในการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ร่วมไปถึงการสร้างความร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่ต้องทำงานสอดประสานไปด้วยกันนั่นเอง

ล่าสุด เพื่อให้องค์กรธุรกิจ หรือพนักงานที่สนใจสามารถพัฒนาพัฒนาทักษะให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง  SEAC จึงได้ร่วมกับ 6 องค์กรชั้นนำของประเทศไทย อย่าง อิตัลไทย เอไอเอส พีทีจี เมืองไทยประกันชีวิต มิตรผล และเอสซีจี สร้างโมเดลการเรียนรู้ ที่ชื่อ “YourNextU” ขึ้น 

เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมตามลักษณะของแต่ละองค์กรที่แตกต่างกันไป โดย “YourNextU” มีจุดเด่นหลักสูตรที่เข้าถึงง่าย ครอบคุลม และหลากหลายด้วยจากสถาบันชั้นนำระดับโลก อาทิ Stanford Center for Professional Development มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด,

The Arbinger Institute, Tirian, The Ken Blanchard Companies, FinxS, J2N Global,Psytech International, Simplilearn พร้อมทั้งยังมีหลักสูตรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ทันต่อสถานการณ์ยุค 4.0 และอื่น ๆ

ซึ่งแต่ละหลักสูตรสอนโดยอาจารย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ และผู้เรียนยังมีโอกาสได้รับ ใบประกาศนียบัตรจากสถาบันเจ้าของหลักสูตรโดยตรง และสามารถนำไปใช้ต่อยอดการทำงานในอนาคตได้เป็นอย่างดี

SEAC

กานติมา เลอเลิศยุติธรรม หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า เราพูดคุยถึง Change Management มาโดยตลอด เพราะธุรกิจโทรคมนาคมเป็นธุรกิจที่ถูก Disrupt อยู่ตลอดเวลา

แต่ตอนนี้มันคือ “Transformation Management” ซึ่งใหญ่กว่า Change Management อยู่มาก เพราะในการที่จะแข่งขันกับโลกที่เปลี่ยนไป เราพบเจอกับปัญหา และอุปสรรค (Barriers) 2 ด้าน ได้แก่ ผู้บริหาร และ Human Resource Department

อย่างเข่นในอดีตเวลาถึงการเพิ่มศักยภาพคนในองค์กร ผู้บริหารจะเป็น ผู้กำหนดว่าจะเรียนอะไร แบบไหน หรืออย่างไร แต่ในปัจจุบันเราไม่สามารถรอให้ผู้บริหารกำหนดหลายๆ อย่างลงมาได้ เพราะหากรอก็จะตามไม่ทันโลก

ดังนั้นเราจึงต้องหาวิธีที่จะทำให้คนในองค์กรคิดเองเป็น ดีไซน์เองเป็น กำหนดจุดหมายเป็น และต้องเกิดการแลกเปลี่ยน โดยวิธีเหล่านั้นจะต้องเอื้อให้คน ในองค์กรสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้เอง

ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทอิตัลไทย กล่าวว่า ที่ อิตัลไทย เราทำธุรกิจหลากหลายรูปแบบตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงการบริการต่าง ๆ ดังนั้นเราใช้ทรัพยากรค่อนข้างเยอะ ในการดำเนินธุรกิจ ทำให้มีคนหลากหลายเจนเนอเรชั่น (Generations)

ซึ่งการที่มีคนที่หลกาหลายวัยทำให้เกืดความห่างทางด้านทักษะของคนรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่ (Generations Gap) การที่จะแก้ปัญหานี้จึงจำเป็นต้องหาเครื่องมือเข้ามาช่วย แต่การที่จะสามารถใช้เครื่องมือใหม่ ๆ ได้ ก็จำเป็นต้องสร้างการเรียนรู้ด้วยการ เพิ่มทักษะเดิม หรือสร้างทักษะใหม่ ๆ 

ขณะที่ อภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า วันนี้การเพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น (reskill) คือสิ่งที่องค์กรจำเป้นต้องเริ่มทำอย่างเร่งด่วน เพราะเมื่อองค์กรเข้าสู่สงครามการแข่งขันยุคใหม่ ที่แข่งขันรวดเร็ว 

สิ่งที่องค์กรจะทำได้มีแค่ หาคนใหม่ หรือ ติดอาวุธใหม่ให้คนในองค์กร แต่สำหรับ เอสซีจี เพิ่มทักษะใหม่ที่จำเป็น (reskill) และเสริมทักษะใหม่ (upskill) คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด เพราะไม่มีใครรู้จักลูกค้าดีเท่ากับพนักงานที่ทำงานกับเรามาอย่างยาวนาน เราจึงเลือกที่จะพัฒนาบุคลากร ให้เก่งมากขึ้นมากกว่าหาคนใหม่เข้ามา

และทำไมถึงต้องเป็น YourNextU โมเดลการเรียนรู้รูปแบบใหม่ของ SEAC เพราะ YourNextU คุ้มค่าต่อการลงทุนในการพัฒนาพนักงานเพราะประกอบไปด้วยรูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended Learning) ที่ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามแนวทางที่ถนัด

จึงนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น พร้อมคุณลักษณะพิเศษที่ทำให้ผู้เรียนเลือกกำหนดรูปแบบและหลักสูตรการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง (Personalized Learning) นอกจากนี้ หลักสูตรต่าง ๆ ของ YourNextU ยังมีความทันสมัยต่อสถานการณ์โลกปัจจุบัน

อีกทั้งยังมีการอัพเดทหลักสูตรใหม่ ๆ ตลอดเวลาเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง (Speed of Change) และเพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะนำไปสู่การขยายธุรกิจ และพัฒนาองค์กรไปได้ในวงที่กว้างขึ้น (Scalability)

เพราะยิ่งเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นเท่าไหร่ ทรัพยากรมนุษย์ย่อมสั่นคลอนมากขึ้นเท่านั้น ฉะนั้น องค์กรจำเป็นจะต้องตื่นตัวและพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ตลอดเวลา และต้องรู้จักเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยี รวมไปถึงเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดนิ่ง

ผ่านการรีสกิลตัวเองเพื่อเป็นประตูเปิดโอกาสในการสร้างความก้าวหน้า ความมั่นคง และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็น ในรูปแบบใดก็ตาม ดังนั้น SEAC พร้อมที่จะเป็นองค์กรที่มีส่วนช่วยสร้างให้เกิดการตื่นตัวเรื่องการเรียนรู้ ปรับตัว เปลี่ยนแปลง

และพัฒนาทั้งในด้านขององค์กร ตลอดจนระดับบุคลากรผ่านโมเดลการเรียนรู้ YourNextU เพื่อ สร้างสังคมของการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยการนำนวัตกรรม มาสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ ที่ยั่งยืน

SEAC

อัพเดทหลักสูตรใหม่ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ SEAC กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้เรายังได้พัฒนา และสร้างสรรค์รูปแบบการเรียนรู้ที่มีทรงประสิทธิภาพ ในชื่อ “4Line Learning” เพื่อรองรับรูปแบบการเรียนรู้ของคนแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป

เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความอยากที่จะเรียนรู้ และนำเอาสิ่งที่ได้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ท่ามกลางบริบทแห่งการเปลี่ยนแปลงในสังคม ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง และฉับพลันได้อย่างทันท่วงที และได้นำมาใช้กับ “YourNextU” เพื่อสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ที่สามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของโลก

เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพที่สุดในราคาที่จับต้องได้ โดย 4Line Learning ประกอบด้วยการสร้าง วิธีการเรียนรู้แบบ Classroom การเข้าคลาสเพื่ออบรมในห้องเรียนกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในหลักสูตรต่าง ๆ

ซึ่งมีระยะเวลาการเรียนที่เหมาะสมไม่มากหรือน้อยเกินไป การสร้าง วิธีการเรียนรู้แบบ Social Learning  การเรียนรู้ในรูปแบบแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อมูล หรือเรื่องราวจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน วิทยากร นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หรือผู้นำทางความคิด ผ่านกิจกรรมพิเศษที่หลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ

สร้างวิธีการเรียนรู้แบบ Online ด้วยเรียนรู้เนื้อหาผ่านโปรแกรมการเรียนรู้ออนไลน์ที่คัดกรองและคัดสรรมาแล้วว่าดีที่สุด มาตรฐานระดับสากล พร้อม Subtitles ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกเวลาและสถานที่ที่ผู้เรียนสะดวกได้ และสร้าง วิธีการเรียนรู้แบบ Library คลังความรู้ที่ผู้เรียนสามารถดาวน์โหลดได้อย่างไม่จำกัดออกมาเป็น “คัมภีร์พิชิตความสำเร็จ” เพื่อปฎิบัติตามได้ทันที และเพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนขยาย

* บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ 
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่