เมื่อไม่นานมานี้ในงาน จัดการประชุม CIO Forum ที่สิงคโปร์ ของ วีเอ็มแวร์ ได้มีการออกมาเผยผลวิจัยว่ามีเพียง 1.2% ขององค์กรในภูมิภาคนี้เท่านั้น ที่เป็น “ผู้พลิกโฉมองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิตัล (Digital disruptors)” อย่างแท้จริง
There are only 1.2% organizations in the region at Digital disruptors
ในงานในงาน VMware CIO Forum ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยว่า องค์กรธุรกิจ และรัฐบาลต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่างให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับเปลี่ยนระบบขององค์กร หรือดิจิตอล ทรานฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) โดยที่รัฐบาลต่างๆ ได้เริ่มวางแผนสู่การเป็น Smart Nation
ดังนั้น DX หรือการทำดิจิตอล ทรานฟอร์เมชั่น จึงเป็นประเด็นสำคัญในการจัดงาน โดยวีเอ็มแวร์ได้ร่วมมือกับ International Data Corporation (IDC) ทำให้ผู้บริหารระดับ C-level สามารถวางแผนในการทำดิจิตอล ทรานฟอร์เมชั่นสำหรับองค์กรในอนาคต
และเข้าใจถึงขอบเขตและผลกระทบของการทำดิจิตอล ทรานฟอร์เมชั่น และสามารถวิเคราะห์วิธีในการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่แต่ละองค์กรให้ความสำคัญแบบเชิงลึก
ปี 2560 เป็นปีที่องค์กรต่างๆในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกพบกับทางตันในโลกดิจิตอล
แม้จะเห็นว่าหลายๆประเทศ ตื่นตัวในเรื่องการนำเอเทคโนโลยี มาใช้งาน แต่ผลศึกษาการทำดิจิตอล ทรานฟอร์เมชั่น ของ IDC ในภูมิภาคที่ชื่อ “IDC MaturityScape Benchmark: Digital Transformation in APEJ, 2018” ในปีพ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา
กลับพบว่าองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) (APEJ) เริ่มหันมาปฏิรูประบบดิจิตอลขององค์กรด้วยการริเริ่มโครงการต่างๆ อย่างไรก็ตาม มีเพียง 1.2% ขององค์กรในภูมิภาคนี้เท่านั้น ที่เป็น “ผู้พลิกโฉมองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิตัล (Digital disruptors) อย่างแท้จริง
ดันแคน ฮิววิตต์ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า ความพร้อมในการใช้งานเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความแตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ แต่สิ่งหนึ่งไม่แตกต่างคือองค์กรต่างๆ
ในภูมิภาคนี้ต่างยอมรับว่าเทคโนโลยีดิจิตัลมีความจำเป็นเพื่อช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโต เพื่อที่จะทำให้การปฏิรูประบบดิจิทัลในภูมิภาคพัฒนาไปได้ด้วยดี องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องรวมผลิตภัณฑ์ และบริการด้านดิจิตอลต่างๆ ที่มีอยู่ในองค์กรให้ทำงานร่วมกันได้ ซึ่งคือการป้องกันไม่ให้เกิดการทำงานแบบไซโลนั่นเอง
โดยการจากสำรวจวิจัย เรายังพบว่า 86.5% ขององค์กรส่วนใหญ่ ยังคงอยู่ในสามระยะแรกของการปรับใช้เทคโนโลยีในองค์กร และระบุว่ายังไม่สามารถรวมผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอลของตนเข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ในการใช้งานที่สม่ำเสมอ
จากการพูดคุยกับลูกค้ารายใหญ่ๆ ทำให้เราทราบว่าสภาพแวดล้อมด้านไอทีขององค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น มีส่วนผสมของโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม พับลิกคลาวด์ และไพรเวทคลาวด์ ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับลูกค้าในการพัฒนากลยุทธ์ เพื่อช่วยให้ประสบความสำเร็จและสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจได้
“ในกระบวนทัศน์ดิจิตอลใหม่ซึ่งเทคโนโลยีจะเข้ามาผลักดันให้เกิดนวัตกรรม และการเติบโตของธุรกิจ เราต้องการสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่เหมาะสมสำหรับ 20 ปีข้างหน้า ด้วยเหตุนี้เราจึงพร้อมที่จะสนับสนุนลูกค้าของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่นต่อไปด้วยโซลูชั่นคลาวด์ และโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นของเรา เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิตอล และขับเคลื่อนภูมิภาคนี้สู่โลกดิจิตอลในอนาคต”
การจัดการสภาพแวดล้อมขององค์กรที่ใช้งานมัลติคลาวด์
เมื่อองค์กรขยายการใช้งานคลาวด์เพิ่มมากขึ้นโดยใช้บริการจากผู้ให้บริการหลากหลายราย หรือที่เรียกว่าสภาพแวดล้อมแบบมัลติคลาวด์ จะทำให้เกิดความซับซ้อนและความเสี่ยงจากความหลากหลายของโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเครื่องมือการจัดการ
และกระบวนการในการทำงานที่แตกต่างกัน วีเอ็มแวร์ประเมินว่าเกือบ 2 ใน 3 ขององค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรมได้ใช้บริการคลาวด์จากผู้ให้บริการตั้งแต่สองรายขึ้นไป นอกเหนือจากการใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์หรือศูนย์ข้อมูลขององค์กรที่มีอยู่แล้ว
ซึ่ง VMware Cloud Services พร้อมช่วยในการจัดการความซับซ้อนและความเสี่ยงของสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่หลากหลาย และช่วยให้ประสบการณ์การใช้งานคลาวด์ (cloud) ไปสู่แกนหลักที่เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กร (core) และประสบการณ์ของผู้ใช้งานในองค์กร (edge) มีความสอดคล้องกัน
ด้วยการทำให้โครงสร้างพื้นฐานไอทีระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ต่างๆ ทำงานร่วมกันได้ โดยสามารถมองเห็นภาพรวมของการใช้งานคลาวด์, ต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน, ประสิทธิภาพของเครือข่าย การตรวจสอบและวิเคราะห์แอพพลิเคชั่นอย่างละเอียด
ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสำหรับระบบพับลิกคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ขององค์กร นอกจากนี้วีเอ็มแวร์ยังได้เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เช่น VMware Hybrid Cloud Extension Service สำหรับไพรเวทคลาวด์ขององค์กร
ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์สำหรับเช่าใช้ (SaaS) ที่ให้ความคล่องตัวในการใช้แอพพลิเคชั่นและโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ vSphere เวอร์ชั่นต่างๆ ทั้งในดาต้าเซ็นเตอร์ และคลาวด์ และด้วย VMware Cloud Provider Program ซึ่งมีผู้ให้บริการด้านคลาวด์หลากหลายรายให้ลูกค้าเลือกใช้
และ VMware Cloud Services บริการด้านคลาวด์ใหม่ของวีเอ็มแวร์ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถจัดการ ตรวจสอบ และทำให้โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และแอพพลิเคชั่นทำงานได้อัตโนมัติ ด้วยระบบที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของการใช้งานคลาวด์ (Cloud usage), ค่าใช้จ่าย (Costs) และการเข้าใช้งานเครือข่าย (Network traffic)
ทำดิจิตอล ทรานฟอร์เมชั่นให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
แดเนียล-โซอี้ ฮิเมเนซ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและผู้นำด้านการปฏิบัติงานด้าน Digital Transformation ของ IDC Asia Pacific กล่าวว่า การปฏิรูประบบดิจิตอลเป็นสิ่งที่องค์กรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเห็นความสำคัญ อย่างไรก็ตามแม้จะมีความคืบหน้าและความสำเร็จในช่วงต้น
หลายๆองค์กรก็ยังอยู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่การปฏิรูประบบดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนให้องค์กรก้าวไปข้างหน้า องค์กรต้องสร้างตัวชี้วัดใหม่ ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ปรับกลยุทธ์การใช้เทคโนโลยี และพัฒนาขีดความสามารถด้านดิจิทัล ขณะที่องค์กรต่างๆ มุ่งสู่สภาพแวดล้อมการใช้เทคโนโลยีแบบมัลติคลาวด์
พวกเขาจะต้องมีความสามารถในการจัดการความเสี่ยงและความซับซ้อนที่เกิดขึ้น ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ลักษณะของสถานที่ทำงานก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วจากการใช้งานเดสก์ท็อปแบบดั้งเดิมไปสู่การใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนคลาวด์จากผู้ให้บริการหลากหลายราย
สิ่งนี้ก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ ที่องค์กรต้องเผชิญ ไมว่าจะเป็นการจัดการและควบคุม, การจัดเตรียมและวางเวิร์กโหลด, การจัดการความสามารถในการรองรับงาน และการตรวจสอบประสิทธิภาพและความโปร่งใสด้านค่าใช้จ่ายของทุกๆ คลาวด์ที่ใช้งาน
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่