มุมมองด้านวิวัฒนาการของ ไอโอที (IoT) และวิธีการที่ธุรกิจได้นำไปใช้แล้ว กำลังใช้อยู่ และมีแผนจะใช้เพื่อสร้างประโยชน์จากแนวทางนี้

แนวคิดโรงงานอัจฉริยะ หรือ อุตสาหกรรม 4.0 กลายเป็นหัวข้อยอดนิยมหลังจากงานนิทรรศการระหว่างประเทศซีบิต (CeBIT) 2011 (พ.ศ.2554) แม้จะผ่านไปเพียงแค่หกปีแต่ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตของเทคโนโลยีไปแล้ว ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจหรืออย่างน้อยก็เริ่มรับรู้ว่า อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิง์ หรือ IoT(Internet of Things: IoT) หมายถึงอะไร

แต่ในสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรม มีคำถามเกิดขึ้นว่าเราสามารถได้รับประโยชน์จากข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นและส่งผ่านโดยอุปกรณ์อัจฉริยะอย่างไรบ้าง และดูเหมือนว่าจะเป็นคำถามสำคัญที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องพบเจอในตอนนี้ ผมรู้สึกว่าน่าจะถึงเวลาที่เราจะต้องมาพูดคุยกันถึงวิธียกระดับขีดความสามารถด้วย IoT กันแล้ว กล่าวโดย รอย เวจแมนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ไอเอฟเอส 

 

IoT ในอดีต

ในช่วงหนึ่งหรือสองปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปพูดในงาน IoT งานหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลจากอุปกรณ์อัจฉริยะที่ไม่เพียงเพื่อการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบการผลิตเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วยพิจารณาความสำเร็จของธุรกิจโดยรวมด้วยว่าได้รับผลกระทบอย่างไรเมื่อระบบการผลิตหรือกระบวนการทำงานอื่นๆ ของคุณล้มเหลว สิ่งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการประสิทธิภาพของสินทรัพย์และการบริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจขององค์กรโดยตรง

ในขณะนั้น เรื่องราวที่ผมกล่าวถึงยังไม่ค่อยโดนใจผู้ฟังมากนัก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจ แต่ก็มีผู้เข้าร่วมฟังหลายคนที่กำลังให้ความสนใจอย่างมากกับเรื่องฐานข้อมูลในหน่วยความจำและโซลูชันข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อนำมาใช้รับมือกับการล้นหลามของข้อมูลที่คาดว่าจะเกิดจาก IoT ในขณะนั้น ไอโอที มีความเสถียรอย่างมากในห้องปฏิบัติการ โดยบรรดาวิศวกรด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้สาธิตให้เห็นถึงการใช้งานที่มีศักยภาพเป็นอย่างยิ่ง

IoT ในปัจุบัน

ปีนี้ผมได้กลับไปที่งาน IoT งานเดิมและรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่เห็นว่าหลายบริษัทกำลังมุ่งเน้นผลลัพธ์จากแนวทางนี้ โดยจากคำ กล่าวของ “เจอร์รี่ ลี” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับไมโครซอฟท์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้พูดถึงการที่ไมโครซอฟท์ถูกคาดหวังจากบริษัทต่างๆ ให้สามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำการวิเคราะห์ได้

สำหรับวิทยากรท่านอื่นๆ ในงานนี้มีน่าสนใจหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากบริษัท แบม (BAM) (ธุรกิจก่อสร้าง) บริษัท ฮอร์ติลุกซ์ (Hortilux) (ผู้สร้างระบบเรือนกระจก) และบริษัท ฟิลิปส์ (Philips) (ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งทุกคนล้วนมีกรณีศึกษาทางธุรกิจที่ดีเยี่ยมจากการนำเทคโนโลยี IoT ไปใช้ช่วยในการดำเนินการสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นและมีต้นทุนที่ลดต่ำลง

อีกตัวอย่างหนึ่งของกรณีศึกษาทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นก็คือหนึ่งในลูกค้าของไอเอฟเอส  แอนติซิเมกซ์ (Anticimex) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ดักจับหนูที่มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับระบบออนไลน์ ช่วยให้วิศวกรฝ่ายบริการสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถคาดการณ์เวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ได้

ซึ่งจะเห็นได้ว่า ไอโอที สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบในห้องปฏิบัติการและเมื่อองค์กรธุรกิจรายนี้นำมาปรับใช้จริงและพบว่าได้ผลดีในทางปฏิบัติ

IoT ในอนาคต

ตอนนี้องค์กรธุรกิจที่อยู่ในระดับปฏิบัติการล้วนเดินตามแนวทางของ IoT และถึงเวลาแล้วที่ผู้บริหารระดับ ซี่งจะต้องเดินหน้าขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ให้สำเร็จ เนื่องจากแนวทางนี้สร้างประโยชน์อย่างมากในด้านการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยสิ่งที่เป็นตัวกำหนดทิศทางการเติบโตที่แท้จริง คือการนำผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เข้ามาใช้งาน

แนวคิดของบริษัทผลิตภัณฑ์ที่กำลังเริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตนในรูปแบบบริการ จะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย แต่การดำเนินการตามแนวคิดนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ในด้านเทคนิค คุณจะต้องเข้าใจผลิตภัณฑ์ สามารถคาดการณ์ความล้มเหลว และมั่นใจได้ว่าจะสามารถสร้างผลกำไรด้วยการนำเสนอสิ่งดังกล่าวในรูปแบบของบริการ

หรับด้านการเงิน คุณจะต้องปรับงบดุลอีกครั้งเนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ทั้งหมดได้กลายเป็นสินทรัพย์ของคุณแล้ว นอกจากนี้ คุณจะต้องรายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนดเอสแอลเอ (SLA) กับลูกค้าของคุณด้วย

ซึ่งหากคุณไม่ใช่บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์แต่เป็นบริษัทผู้ให้บริการ คุณจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับตัวชี้วัดที่สำคัญของความล้มเหลว ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ และประสิทธิภาพของซัพพลายเออร์สำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและสามารถทำตลาดได้ แต่คุณจำเป็นต้องมีมากกว่าทีมปฏิบัติการเพื่อการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด