ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังเข้ามามีส่วนสำตัญในการดำเนินธุรกิจและชีวิตประจำวันของมนุษย์ โดยเราอาจจะได้สัมผัมมันโดยที่แทบจะไม่รู้เลยก็เป็นได้
หลายคนอาจจะคิดว่า ปัญญาประดิษฐ์ เป็นเรื่องไกลตัว แต่แท้จริงแล้วปัญญาประดิษฐ์เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งสมาร์ตโฟนที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน แน่นอนว่าเมื่อเราเปิดเครื่องสิ่งที่เราเห็นในระบบปฏิบัติการนั่นก็คือการแจ้งข้อมูลข่าวสารเท่านั้น
หากแต่ในความเป็นจริงแล้วในแพลตฟอร์มจะมีระบบที่เรียกชื่อเฉพาะ เพื่อเก็บรวบรวมพฤติกรรมการใช้งานของเจ้าของเครื่องและวิเคราะห์ออกมาเป็นความต้องการ ทำให้เรามักจะเห็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องของเราโผล่ขึ้นมาจากสมาร์ตโฟนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
เช่น วันนี้คาดว่าน่าจะมีฝนตก คุณจะถึงที่ทำงานในอีก 45 นาที บริเวณนี้มีร้านอาหารอร่อย หรือแม้กระทั่งการรายงานผลฟุตบอลที่คุณชื่นชอบ แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญอย่างที่เราคิด แต่เป็นกระบวนการวางแผนของปัญญาประดิษฐ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มนั่นเอง
ซึ่งหากมองให้ดีนี่ก็คือการควบรวมความสามารถของ IoT (Internet of Thing) และ IIoT (Industrial Internet Of Thing) หรืออุปกรณ์ทุกสิ่งที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับผู้บริโภคหรืออุตสาหกรรมก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะส่งข้อมูลเข้าสู่แพลตฟอร์มและวิเคราะห์ออกมาเป็นความต้องการ เพื่อแยกย่อยความต้องการของแต่ละบุคคล และสั่งการเพื่อตอบสนองความต้องการนั้น ๆ โดยรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องและตอบโจทย์ได้อย่างเหมาะสม
ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัดคือการจัดการภายในโรงงานอุตสาหกรรม ที่เริ่มมีการนำปัญญาประดิษฐ์เข้าไปช่วยจัดการการผลิตสินค้า โดยเริ่มจากการนับวัตถุดิบเข้าระบบ รถอัตโนมัติจะนำวัตถุดิบเหล่านั้นเข้าสู่ที่เก็บและบันทึกข้อมูลอัตโนมัติผ่านเครื่องสแกนที่กระจายอยู่ทั่วทุกจุด ขณะที่ระบบการผลิตเมื่อเครื่องจักรต้องการวัตถุดิบเพิ่มเติม
รถอัตโนมัติก็จะจัดการขนส่งให้โดยที่มนุษย์ไม่ต้องร้องขออีกต่อ แน่นอนว่าข้อมูลและจำนวนการผลิตจะถูกส่งต่อให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของการบริหารและการตลาด เพื่อให้สามารถขายสินค้านั้น ๆ ได้อย่างเพียงพอนั่นเอง
อีกทั้งเรายังเห็นปัญญาประดิษฐ์ในส่วนของการจัดการโลจิสติกส์ ทั้งการควบคุมการเดินทางการติดตาม ตลอดจนการตรวจสอบและบริการลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ด้วยการตรวจสอบจากระบบ GPS ที่เรียกหาตำแหน่งที่อยู่ของรถได้จาก GPS การตรวจสอบสถานะผู้ขับขี่ การตรวจสอบสภาพรถ หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมการขับขี่และสภาพร่างกายของผู้ขับขี่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น เราเริ่มเห็นการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับเพื่อเข้ามาทำหน้าที่การขนย้ายสิ่งขิงทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างขับเคลื่อนเทคโนโลยีเหล่านั้นเข้าสู่โลกดิจิทัล และเป็นส่วนสำคัญของการสร้างแพลตฟอร์มใหม่ของการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีข้อเสียที่อาจจะเป็นอุปสรรคสำคัญของการเกิดยุคจิทัลอัจฉริยะขึ้นก็เป็นได้
