AIS นำเทคโนโลยี NB-IoT Motor Tracker เพิ่มศักยภาพการทำงานของตำรวจยุค 4.0 พร้อมติดตั้งรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจ จำนวน 360 คัน เพื่อแสดงพิกัดแบบ Near Real Time
เอไอเอส และ บริษัท เอช ไอ พี โกลบอล จำกัด นำเทคโนโลยี IoT เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยร่วมกันพัฒนาโซลูชั่นส์ใหม่ “NB-IoT Motor Tracker” ครั้งแรกของไทย
ที่เชื่อมต่อการทำงานของเทคโนโลยีติดตามยานพาหนะบนเครือข่าย AIS NB-IoT ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยการนำอุปกรณ์ Tracker ติดตั้งที่รถมอเตอร์ไซค์ตำรวจ จำนวน 360 คัน นำร่องเริ่มใช้บริการแล้ววันนี้ ที่สถานีตำรวจในเขตนครบาล 1 จำนวน 9 สถานี
AIS ล้ำนำเทคโนโลยี IoT ยกระดับการทำงานตำรวจ
อัศนีย์ วิภาตเวทย์ หัวหน้าส่วนงานผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กรและบริการระหว่างประเทศ เอไอเอส กล่าวว่า การพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนความแข็งแกร่งของประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เทคโนโลยี IoT ที่ปัจจุบันถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา Smart City ให้เกิดขึ้นได้จริง และที่ผ่านมา เราได้รับความเชื่อมั่นจากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชนหลายแห่งใช้บริการ IoT โซลูชันส์เสริมศักยภาพการดำเนินการขององค์กรอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้มอบความไว้วางใจให้เอไอเอส และพันธมิตร บริษัท เอช ไอ พี พัฒนาโซลูชั่นส์ใหม่ “NB-IoT Motor Tracker” ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยจะเป็นการส่งข้อมูลพิกัดรถมอเตอร์ไซค์ (GPS) ของตำรวจสายตรวจ หรือ งานจราจร
ผ่านเครือข่าย NB-IoT และประมวลผลบนแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานอยู่บน AIS Cloud โดยจะแสดงตำแหน่งรถมอเตอร์ไซค์ที่กำลังวิ่งอยู่ไปที่ จอมอนิเตอร์ ณ โรงพัก 9 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ โดยข้อดีของ NB IoT คือ สามารถส่งพิกัดรถมอเตอร์ไซค์ที่ Update แบบ Near Real time ตลอดเวลา
ทำให้ศูนย์สั่งการ มองเห็นตำแหน่งรถในพื้นที่ปัจจุบันอย่างแท้จริง และสามารถประสานให้ตำรวจสายตรวจ หรือ งานจราจร ที่ใกล้เคียงที่สุดเดินทางไปช่วยเหลือ ระงับเหตุให้ประชาชนได้ทันท่วงที
ความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นโครงการต้นแบบของบริการ Motor Tracker ที่มีพัฒนาการก้าวล้ำไปอีกขั้น ซึ่งเป็นการยืนยันให้เห็นว่าเทคโนโลยี NB IoT สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริงในประเทศไทย ช่วยเสริมศักยภาพการทำงานให้กับหน่วยงานของรัฐ
โดยเฉพาะกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ซึ่งมีความใกล้ชิดต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และความสงบปลอดภัยของบ้านเมือง
พล.ต.ต. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า นโยบายหลักของกองบัญชาการตำรวจนครบาล คือ การป้องกันความเสียหาย หรือการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยมีเป้าหมายการลดจำนวนเหตุและคดีอาชญากรรมลดลง
และไม่มีกรอบกำหนดเวลา เมื่อเกิดเหตุหรือเกิดปัญหาร้องเรียน ต้องมีความฉับไวและคล่องตัวในการเข้าถึงสถานการณ์อย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบและแก้ปัญหาในทุกมิติ ในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินงานในทุกๆ ส่วน กองบังคับการตำรวจนครบาล
เราจึงมีนโยบายมุ่งเน้นนำเทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในวาระสำคัญนี้ ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนได้เข้ามาร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหวังว่าโครงการนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นและแบบอย่างที่ดีของการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงและพัฒนาการปฏิบัติงานของตำรวจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อความสงบสุขและเรียบร้อยของประชาชนและบ้านเมือง
ด้าน พล.ต.ต.ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวว่า เรามีความตั้งใจที่จะปรับปรุงและพัฒนาการปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอยู่เสมอ ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 จึงได้ริ่เริมคิดที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มความคล่องตัวและรวดเร็วในการทำงานมากขึ้น
เนื่องจากเรามียานพาหนะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจ จำนวน 360 คัน ที่คอยสแตนบายวิ่งตรวจตราและเข้าถึงจุดเกิดเหตุตลอด 24 ชม.อยู่แล้ว ทำอย่างไรที่จะทำให้การทำงานในส่วนนี้มีศักยภาพและสอดคล้องกับยุคสมัยปัจจุบันที่โทรศัพท์มือถือ
และดิจิทัลสามารถเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับเราได้มากขึ้น เราจึงได้ร่วมมือกับภาคเอกชน บริษัทเอไอเอส ผู้ให้บริการเครือข่ายอันดับ 1 และบริษัทเอช ไอ พี ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยในระดับสากล
การนำบริการ NB-IoT Vehicle Tracker มาใช้ติดตามตำแหน่งของรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจที่กระจายตัวอยู่ทั่วเขตกรุงเทพฯ เพื่อง่ายต่อการสั่งการให้รถคันที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุที่สุด
สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเคย ประชาชนก็อุ่นใจได้มากยิ่งขึ้น เหล่านี้ สอดคล้องนโยบายของภาครัฐ ตามแนวคิด Thailand 4.0
วันนี้ เอไอเอสมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนในการสนับสนุนภาครัฐ อย่างกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ด้วยบริการ NB-IoT Motor Tracker อย่างเต็มรูปแบบและครบวงจร รวมถึงพร้อมมอบบริการดิจิทัลที่พัฒนาเพื่อกลุ่มลูกค้าองค์กรในทุกอุตสาหกรรม ครอบคลุมตั้งแต่การจัดหาอุปกรณ์ Device
แพลตฟอร์ม IoT การออกแบบ Software และ Application, ระบบ Cloud Computing ระดับเวิล์ดคลาส สำหรับการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูล, eSIM ที่พร้อมใช้งานกับอุปกรณ์ IoT บนเครือข่าย AIS NB-IoT ที่ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ
และพร้อมให้คำปรึกษากับทุกองค์กรที่สนใจนำ IoT ไปใช้ในการทำงาน สนใจติดต่อได้ที่ Corporate call center โทร. 1149 หรือเว็บไซต์ http://business.ais.co.th/iot
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี
หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่