เมื่อต้นเดือนมิถุนายนเงินสกุลดิจิทัลอย่างบิทคอยน์มีขนาด Market Cap. เกินหนึ่งแสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยมียอดซื้อขายต่อหนึ่งวันสูงถึงเกือบสี่พันล้านเหรียญสหรัฐ
คอยน์มูลค่าซื้อขายเกิน SET
ช่วงที่ผ่านมาได้เกิดกระแสการตื่นตัวเรื่องบิทคอยน์เป็นอย่างมาก โดยเมื่อต้นเดือนมิถุนายนเงินสกุลดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ได้ผ่านหลักสำคัญที่ Market Cap. เกินหนึ่งแสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยมียอดซื้อขายต่อหนึ่งวันสูงถึงเกือบสี่พันล้านเหรียญสหรัฐ Market Cap. มูลค่าดังกล่าวเมื่อเทียบกับมูลค่า Market Cap. ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET ยังน้อยกว่าอยู่สามสี่เท่า แต่ยอดซื้อขายแต่ละวันสูงถึงมากกว่าแสนล้านบาท ในขณะที่ยอดซื้อขายของ SET มีอยู่ไม่กี่หมื่นล้านบาท
หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ในไม่ช้าตลาดค้าขายเงินสกุลดิจิทัลจะก้าวข้ามตลาดหลักทรัพย์ในหลายประเทศ ด้วยความมหัศจรรย์ของคอยน์(เงินสกุลดิจิทัล)ที่จะถูกออกแบบได้หลายหลายไร้ข้อจำกัด คอยน์บางอย่างอาจเป็นสกุลเงิน คอยน์บางอย่างอาจใช้แทนหุ้นในกิจการ คอยน์บางอย่างอาจใช้แทนสิทธิในการใช้บริการ คอยน์บางอย่างอาจแทนไอเท็มของเกมส์ดิจิทัล
หยวน วอน รูเบิ้ล ผูกคอยน์
ดังนั้นในตลาดแลกเปลี่ยนคอยน์ จะเป็นตลาดที่รวมความหลากหลาย มิได้จำกัดอยู่เพียงตลาดทุน ตลาดเงิน เท่านั้น จึงไม่แปลกใจว่าวันนี้มีการตั้งตลาดแลกเปลี่ยนคอยน์มากกว่า 4,000 แห่ง โดยตลาดชั้นนำได้แก่ Poloniex, Bittrex แต่ที่น่าสนใจว่าหลายตลาดที่กำลังขึ้นมาโดดเด่นเป็นตลาดที่ผูกเงินคอยน์เหล่านี้กับเงินหยวนของจีนเช่น okcoin.cn, Huboi หรือ เงินคอยน์กับเงินวอนของเกาหลี Bithumb, coinone หรือเงินรูเบิลของรัสเซีย xBTCe นอกเหนือจากเงินดอลล่าห์สหรัฐ หรือเงินยูโร
ประเทศไทยเราเองก็มีการซื้อขายบิทคอยน์อยู่บ้างแล้วเหมือนกัน แต่การเติบโตยังอยู่ที่จะมีนโยบายผลักดันให้เติบโตขึ้นหรือไม่ ไม่แน่ว่าในอนาคตบริษัทสตาร์ทอัพดิจิทัลของคนรุ่นใหม่อาจใช้ตลาดเหล่านี้ในการสร้างและขยายกิจการได้ นอกเหนือจากตลาดทุนที่มีอยุ่ในปัจจุบันที่ไม่สามารถตอบโจทย์กับเหล่าสตาร์อัพเหล่านี้ได้
ผู้เขียน : ดร.เจษฎา ศิวรักษ์
เลขานุการ ประจำรองประธาน กสทช.
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่