Digital Workplace
การที่จะเกิด Digital Workplace ได้หลักๆ ที่ต้องคำนึงถึงคือ เรื่องของการทำให้เกิดการทำงานร่วมกันภายในองค์กรมากขึ้น (Collaboration) เช่นเดียวกับการที่ต้องรู้ว่าบุคลากรใดเหมาะสมกับการทำงานรูปแบบใด (Visibility) และเขาเหล่านั้นจะช่วยให้องค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไร

ขณะเดียวกัน องค์กรที่ต้องการปรับรูปแบบการทำงาน ควรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งหน้าสู่ Digital Workplace เพื่อให้องค์กรชับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยให้การทำงานบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วและทรงประสิทธิภาพ”

ทั้งนี้ จีเอเบิล ได้สรุปการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการทำงาน 10 ด้าน เพื่อการปรับองค์กรสู่การเป็น  Digital Workplace เต็มรูปแบบ ประกอบไปด้วย

1. สร้างแหล่งศึกษาความรู้ (Ambient Knowledge)เนื่องจากทุกคนมีความต้องการที่จะเรียนรู้เฉพาะเรื่อง เพื่อนำไปแก้ปัญหาในการทำงาน การจัดคอร์สเทรนนิ่งที่ใช้เวลาไม่นานในองค์กร จะช่วยก่อให้เกิดศูนย์กลางความรู้

2. เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์​ (Embedded Analytics)เพื่อช่วยให้องค์กร หรือบุคลากรตัดสินใจง่ายขึ้น การเข้าไปรายงานการทำงานต่างๆ จะมีการนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และแสดงผล โดยมีการบันทึกลงในโปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นที่ช่วยในการวิเคราะห์ แล้วจึงนำข้อมูลนั้นไปใช้งาน

Digital Workplace
Business people looking at a screen during a video conference in the office

3. เครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงาน(Production Studio) เช่นการจัดเตรียมเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาสามารถเขียนโปรแกรมได้ และจัดพื้นที่สำหรับการพรีเซนต์ข้อมูลในการประชุมต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน

4. เครื่องมือช่วยลดระยะเวลาทำงาน ลดขั้นตอนการทำงาน (Process Hacking)เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพของบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพในความถูกต้องและแม่นยำ เช่น ใช้เครื่องมืออัตโนมัติมาช่วยตรวจสอบคุณภาพของสินค้า โปรแกรมตรวจคำผิด

5. คอร์สระยะสั้น(Microlearning)เพื่อเสริมศักยภาพของบุคลากรและสร้างความรู้ใหม่ๆ การจัดคอร์สที่ให้ความรู้ที่มีหัวข้อหลากหลาย เพื่อให้บุคลากรที่สนใจสามารถเข้ามาเลือกที่จะเรียนรู้ได้ โดยจะเน้นเป็นคอร์สระยะสั้น ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง

6. ปรับภูมิทัศน์องค์กร(Office Landscape) ปัจจุบันทุกคนทำงานผ่านโน้ตบุ๊ก ผ่านโลกการสื่อสารดิจิทัล จึงควารปรับภูมิทัศน์ของสถานที่ทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และสร้างบรรยากาศการทำงานที่สามารถตอบสนองการทำงานร่วมกันให้ได้มากที่สุด

7. การก่อให้เกิดการทำงานร่วมกัน(Silo-buster) ด้วยการนำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยแสดงให้เห็นความชัดเจนในการทำงาน (Visibility) ให้ทุกคนสามารถโชว์ผลงานของตัวเองได้เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในผลสำเร็จของงานที่ทำ โดยการสร้างพื้นที่หรือแพลตฟอร์มในการพูดคุย ลงรายละเอียดงานต่างๆ ให้แก่สมาชิกทุกคนในองค์กร

Business men in a dark room standing in front of a large data display

8. การนำเทคโนโลยี Virtual Reality (VR) & Augmented Reality (AR) มาใช้ (Immersive Technologies) ด้วยการนำอุปกรณ์เหล่านี้มาช่วยในการเทรนนิ่ง เช่น การนำ VR มาสอนวิธีใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆ ซึ่งสามารถทำให้เราได้เห็นมุมมองเสมือนจริง

9. สร้างพื้นที่เก็บข้อมูลส่วนตัวบนคลาวด์(Personal Cloud) เพราะปัจจุบันในการทำงานไม่จำเป็นต้องทำผ่านโน้ตบุ๊กเครื่องเดียวอีกต่อไป แต่สามารถเก็บข้อมูลไว้บนคลาวด์เพื่อเรียกใช้งานจากอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับรูปแบบของงาน
10. การมีผู้ช่วยเสมือน(Virtual Personal Assistants) อย่างแชทบอท หรือเทคโนโลยีสูงๆ ที่เข้ามาช่วยตอบคำถามเบื้องต้น หรือใช้ในการแนะนำฝ่ายที่เหมาะสมเพื่อที่จะเข้าไปพูดคุยได้ต่อไป

กลุ่มบริษัทจีเอเบิล มีโซลูชันสำหรับการทำ  ดิจิทัล เวิร์คเพลส ให้กับองค์กรต่างๆ โดยเริ่มจากการทำ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing) ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจนำเทคโนโลยีมาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยยกระดับองค์กร โซลูชันดังกล่าวจะมีทั้ง Productivity Suite  ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานภายในองค์กร

ตัวอย่างเช่น ระบบจัดการการประเมินประสิทธิภาพของบุคลากร ระบบการจัดการทางด้านการเงิน ระบบการลา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี Digital Recruitment  ระบบการเปิดรับผู้ร่วมงานทางด้านดิจิทัล เพื่อค้นหาบุคลากรด้านดิจิทัล ที่มีคุณภาพและเหมาะสมให้กับองค์กร และ Digital Training ระบบสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับดิจิทัล

โดยผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศสำหรับองค์กร เพื่อเพิ่มทักษะความรู้ทางด้านดิจิทัลให้กับบุคลากร เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพขององค์กรที่จะนำไปสู่การเป็นสถานที่ทำงานแบบดิจิทัลให้เลือกนำไปใช้งานได้ในอนาคต