Artificial Intelligence หรือ AI เทคโนโลยีปฎิวัติโลก ศาสตร์แขนงของวิทยาศาสต์คอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถคล้ายมนุษย์หรือเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ โดยเฉพาะความสามารถในการคิดเองได้ หรือมีปัญญานั่นเอง ซึ่งปัญญานี้มนุษย์เป็นผู้สร้างให้กับคอมพิวเตอร์
AI เทคโนโลยีปฎิวัติโลก ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์
เทคโนโลยีดังกล่าวกำลังก้าวเข้ามามีส่วนร่วมในการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งมันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำลายมนุษย์ได้เช่นกัน ซึ่งถ้าเราจะพูดภาษาชาวบ้าน เราคงอาจจะกลัวว่าเจ้า AI อาจจะปฏิวัติตัวเองสู่การเป็นเจ้านายของมนุษย์แล้วเข้าควบคุมโลกทั้งใบไว้ในกำมือ เหมือนในภาพยนตร์ดังเรื่องหนึ่งที่ AI ใช้ชื่อว่า Skynet
แต่นั่นคงยังอีกไกล และคิดว่ามนุษย์คงมีทางรับมือเรื่องนี้ แต่โลกความจริงในปัจจุบัน ผู้คนยังไม่ได้ว่าเจ้า AI จะยึดครองโลก แต่มันได้เข้ามามีบทบาทในการทำงานแทนมนุษย์ไปแล้ว ล่าสุดนักวิจัยพัฒนา AI สำหรับผู้พิพากษา ได้พัฒนาให้ AI ตัดสินคดีสิทธิมนุษยชนได้เหมือนผู้พิพากษามนุษย์ถึง 79% นั่นแปลว่าในอนาคตเราจะมีผู้พิพากษาที่เป็นหุ่นยนต์ในการตัดสินคดีความของมนุษย์
ข้อมูลจากงานประชุมสัมมนา American Association for the Advancement of Science หรือ AAAS (สมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อเมริกัน) ก็ได้มีการพูดคุยกันถึงแนวโน้มในอนาคตของ AI หรือจักรกลอัฉริยะ และก็มีคำกล่าวเตือนออกมาจากกลุ่มวิศวกรคอมพิวเตอร์ว่า
ในอนาคต จักรกลอัจฉริยะอาจจะเข้ามาแทนที่คนหรือแย่งงานคนไปกว่าครึ่งหนึ่งภายใน 30 ปีหลังจากนี้ไป และสิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ มนุษย์จะเริ่มมีคำถามว่า เมื่อไหร่จักรกลอัจฉริยะเหล่านั้นจะสามารถทำสิ่งที่มนุษย์ทำได้ทุกอย่าง ทั้งนี้ก็ยังมีคำพูดที่น่าสนใจจากศาสตราจารย์ Moshe Vardi จาก Rice University, Houston, Texas ได้กล่าวว่า
“เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เครื่องจักร (หุ่น AI) จะมีความสามารถและมีประสิทธิภาพสูงกว่ามนุษย์กันแล้ว และผมเชื่อว่าสังคมเองก็อยากจะรู้ก่อนด้วยว่า หากเครื่องจักรสามารถทำทุกอย่างได้เทียบเท่ามนุษย์ แล้วมนุษย์จะทำอย่างไรต่อไป”
เมื่อวันหนึ่งที่มนุษย์ลุกขึ้นต่อต้านหุ่นยนต์ และ AI สามารถเรียนรู้ได้ว่ากำลังถูกคุกคาม ความวุ่นวายคงบังเกิดขึ้นในยุคนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้านผู้มีชื่อเสียงที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและวงการวิทยาศาสตร์อย่าง Elon Musk เจ้าของกิจการอย่าง Tesla และ SpaceX, Bill Gates และศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์ Stephen Hawking ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ในทางที่หวาดกลัวหรือกลัวในเรื่องของการมาหรือความก้าวหน้าของ AI โดย Elon Musk ได้เรียก AI เหล่านี้ว่า มันคือภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดในการดำรงอยู่ของเรา
แม้จุดเริ่มต้นเราอาจจะมองว่ามันเป็นสิ่งที่ดี ที่ AI จะสามารถเข้ามาช่วยเหลืองานมนุษย์เราได้ แต่นั่นอาจจะเป็นแค่เพียงแนวคิดด้านโลกสวย แต่มันจะไม่สวยไปด้วยสำหรับกลุ่มนายทุนนักธุรกิจทั้งหลาย โดยเฉพาะผู้ที่มองแต่ประโยชน์ส่วนตน ก็จะสนใจเพียงแค่ผลกำไรของตนเอง ความมั่งคั่งของตนเอง คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง
เขาก็คงจะไม่สนใจหรอกว่าจะมีคนตกงาน มีคนว่างงานมากน้อยขนาดไหน และหากปรากฏการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นมาจริง ๆ มีการใช้หุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์เป็นจำนวนมาก เราอาจจะได้เห็นสิ่งที่เคยพบเห็นจากในภาพยนตร์ที่มนุษย์จะต่อต้านหุ่นยนต์ ต่อต้าน AI และหากว่าตัว AI เองสามารถคิดวิเคราะห์ได้ไกลมากขึ้น มันก็อาจจะมองว่ามนุษย์ก็เป็นภัยคุกคามของเหล่าหุ่นยนต์ทั้งหลาย ก็อาจจะนำมาซึ่งความวุ่นวายได้
ที่พูดไปอาจจะดูว่าเหมือนคนเขียนดูภาพยนตร์มากไป ซึ่งก็จริง เพราะประสบการณ์เหล่านี้เราได้รับอิทธิพลมาจากภาพยนตร์ แต่สิ่งที่เขาสื่ออกมาก็คือแนวคิด คือจินตนาการที่อาจจะเป็นไปได้เสมอ เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตที่แท้จริงหลังจากนาทีนี้ไป วินาทีนี้ไป เราจะได้พบเจอกับอะไรบ้าง
สิ่งที่ AI ทำได้ในปัจจุบัน
ปัจจุบัน AI ของ IBM Watson สามารถเป็นครูที่ปรึกษาผ่านดีไวซ์แก่นักเรียนไฮสคูลได้ ซึ่งนักเรียนเหล่านั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่พวกเขากำลังคุยอยู่นั้นคือคอมพิวเตอร์ หรือในอีกมุมหนึ่ง AI ของทาง Google ที่พัฒนาให้สามารถเล่นเกมหมากล้อมเอาชนะแชมป์โลกได้ มองเผิน ๆ เราอาจจะมองว่า ก็แน่สิ นั่นคอมพิวเตอร์ที่ไม่รู้จักเหนื่อย ไม่มีภาวะเครียด ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น แค่ทำในสิ่งที่ได้รับคำสั่งมาเท่านั้น ใช่ครับ คอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้เองได้สามารถเอาชนะมนุษย์ได้ ลองนึกง่าย ๆ ว่าถ้าเจ้า AI เข้ามาอยู่ในอาชีพของมนุษย์จะเป็นยังไงต่อไป
อีกเคสตัวอย่างในด้านดีของ AI คือ การวินิจฉัย (Diagnosis) ซึ่งเป็นการศึกษาเรื่องสร้างระบบความรู้ของปัญหาเฉพาะอย่าง เช่น การแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ของระบบนี้คือทำให้เสมือนมีมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและคำตอบเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ของการแพทย์ได้ ซึ่งมีจุดประสงค์หลักว่าเราไม่ต้องพึ่งมนุษย์ในการแก้ปัญหา
แต่อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติแล้วระบบผู้เชี่ยวชาญยังต้องพึ่งมนุษย์เพื่อให้ความรู้พื้นฐานในช่วงแรก การจะทำงานวิจัยเรื่องนี้ต้องอาศัยความรู้พื้นฐานหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การแทนความรู้ การให้เหตุผล และการเรียนรู้ของเครื่อง ตัวอย่างของงานประภทนี้คือโปรแกรมการวินิจฉัยโรค เช่น ล่าสุดทีมแพทย์ญี่ปุ่นใช้ AI ช่วยหาลูคีเมียได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในโลกโดยใช้ IBM Watson ซึ่งนับเป็นข้อดีของ AI ที่ได้ถูกนำมาใช้
ปัจจุบัน AI ยังคงติดอยู่กับขอบเขตแค่ตัดสินใจเองภายใต้เงื่อนไขที่มีกฎเกณฑ์ชัดเจน แต่ยังไม่สามารถไปถึงขั้นตัดสินใจด้วยอารมณ์ และวิจารณญาณ แม้แต่ความรู้ของมนุษย์ในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถอธิบายเกี่ยวกับอารมณ์ได้ทั้งหมด จึงยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา AI ไปด้วยโดยปริยาย
ในอนาคต หากมนุษย์สามารถอธิบายถึงอารมณ์และวิจารณญาณได้ชัดเจนแล้ว เชื่อว่า Algorithm สำหรับ AI คงทำได้อย่างที่ Stephen Hawking พูดถึง แต่มองอีกมุมหนึ่ง ผมว่าเมื่อเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าและความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์สามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้แล้ว ระดับของความคิดและจิตใจของมนุษย์เองคงสูงเกินกว่าที่จะทำเรื่องชั่วร้ายจนดำเนินไปสู่จุดจบของมนุษย์เองได้เช่นกัน