Cashless society เป็นแนวคิดสังคมเศรษฐกิจที่ปราศจากเงินสด หรือเรียกง่าย ๆ ว่า สังคมไร้เงินสด ซึ่งจะทำให้ความสำคัญของเงินสดในอนาคตนั้นลดน้อยลง
จะถูกแทนที่โดยการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายของโทรศัพท์ในการทำธุรกรรมทางการเงินแทน โดยข้อดีที่สำคัญของแนวคิดนี้คือ การลดการใช้เงินสดและการเพิ่มการใช้ e-payment จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วขึ้น
และประโยชน์ส่วนหนึ่งก็ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงบริการของธนาคารได้ง่ายขึ้น จะถอน โอน จ่าย ก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปธนาคารอีกแล้ว รวมทั้งหลายธุรกิจก็ชอบแนวคิด Cashless society เพราะทำให้พวกเขาประหยัดต้นทุนสำหรับจัดการสิ่งต่าง ๆ ไปมากกว่าเดิม ทำให้รูปแบบการใช้เงินเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่หากใครยังยึดแบบเดิมล่ะ “ก็ฉันชอบไปธนาคาร” “ฉันชอบโอนเงินที่เคาเตอร์” “ฉันชอบจ่ายเป็นเงินสด” “แบบเก่ายังปลอดภัยกว่า จะเปลี่ยนทำไม”
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีใครไปบังคับให้คุณเปลี่ยนหรอก แม้แต่แบงค์ชาติเองก็ทำไม่ได้ เพราะนั้นคือสิทธิ์ของตัวคุณเอง แล้วจะถูกแบ่งแยกอย่างไรล่ะ ? ด้วยแนวคิดทางการตลาดและเพื่อการลดต้นทุนในองค์กร ธุรกิจต่าง ๆ จะพยายามใช้ประโยชน์จากแนวคิดนี้เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด นั่นคือการลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไป…..
เข้าถึงบริการช้าและเสียเวลานาน
เหนื่อยไหมต้องนั่งรอคิวนาน ๆ เมื่อยุคของ Cashless society ผู้บริโภคที่ยังนิยม ฝาก ถอน โอน จ่าย ผ่านเค้าเตอร์ธนาคารจะถูกบีบให้รอนานมากขึ้น โดยธนาคารจะลดสาขาและลดพนักงาน ทำให้ต้องต่อแถวเพื่อรอรับบริการกันนานขึ้น
ค่าธรรมเนียมถูกหรือไม่เสียเลย
ปัจจุบันการโอนเงินต่างธนาคารผ่านเค้าเตอร์หรือ ATM ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นปกติตั่งแต่ 25 ไปจนถึง 50 บาทหรืออาจจะเสียมากกว่าถ้ายิ่งโอนมาก แต่ถ้าใช้บริการ Promtpay จะฟรีค่าธรรมเนียมจำนวนหรือเสียตั่งแต่ 2 บาทไปจนถึง 10 บาทหากโอนมากกว่า 1 แสน แต่จุดสังเกตุคือ คนที่โอนและคนที่รับจะต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์เหมือนกัน ซึ่งหากไม่ผูกบัญชีพร้อมเพย์ ก็ต้องเสียค่าโอนปกติ แล้วคนที่ไม่ยินดีจะใช้ล่ะ จะโดนกดดันแค่ไหน
เคาร์เตอร์จ่ายเงินกับคนจะน้อยลง
ทุกต้นเดือน หลายคนจำเป็นต้องไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ทั้งของกินของใช้ ลองนึกภาพว่าทุกคนแห่กันไปซื้อ แห่กันไปช๊อป บางคนก็ซื้อเหมือนปีนี้จะไม่มีโอกาศมาซื้ออีกแล้ว แถวจะยาวขนาดไหน บางทีรอเวลาจ่ายเงินอาจจะนานกว่าเดินช๊อปปิ้งก็เสียอีก
ที่ผ่านมา ห้างชั้นนำต่าง ๆ พยามแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มเค้าเตอร์สำหรับจ่ายเงิน แต่ต้นทุนก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้พวกเขาเริ่มจะสรรหาวิธีที่จะทำให้ลดต้นทุนในการจ่ายและรวดเร็วขึ้น นั่นคือเคาเตอร์ไร้เงินสด (แสกนสินค้าและรูดบัตรเสร็จเป็นอันจบ) โดยอาจจะลดเค้าเตอร์ที่จ่ายกับคนลงเรื่อย ๆ มากสุดอาจจะมีแค่ 2 เค้าเตอร์จาก 20 ก็เป็นได้
ไม่สามารถเข้าถึงโปรโมชั่นพิเศษ
ปัจจุบันนั้นเริ่มเห็นชัดมากกับข้อนี้ ด้วยบัตรเครดิตรายต่าง ๆ พยายามผูกการตลาดการเข้ากับห้างสรรพสินค้าในหลายรูปแบบ ทั้งการรับเงินคืน,ได้ของแถม,ลดราคาสินค้า,ผ่อน 0% หรือแม้แต่การสะสมแต้มเพื่อแลกสินค้าสุดพิเศษ แล้วเงินสดล่ะ มีโปรอะไร…..เห็นแล้วมันน่าน้อยใจ
ผมขอเอาแค่ 4 เรื่องก่อน เพราะแค่นี้มันก็ส่งผลกระทบต่อกลุ่มนี้พอสมควร ส่วนหนึ่งผมก็เห็นใจคนที่ไม่ชอบใช้นะ เพราะพวกเขาอาจจะกังวลในความไม่ปลอดภัย หลายครั้งมีข่าวการโดนแฮคผ่านบัญชีธนาคาร โดยเป็นการโอนเงินผ่านแอพพลิเคชั่นออกไปจำนวนมาก ส่วนหนึ่งของปัญหามาจาก User Error การเปิดเผยข้อมูลและให้ข้อมูลง่าย ๆ กับคนหรือเว็บไซต์แปลกหน้า รวมทั้งความแข็งแรงของระบบที่ทำขึ้นได้มีดีพอ แต่ปัจจุบัน Promtpay มีความแข็งแรงมากขึ้น เพราะสามารถแฮ็คได้ยากมาก หากเราไม่ปล่อยข้อมูลส่วนตัวให้หลุดออกไป
สรุปแล้วคือ คนที่ไม่คิดจะใช้ ก็ไม่มีใครสามารถมาบังคับคุณได้