ผลสำรวจ ชี้ 45% ขององค์กรเหล่านี้มีการนำคลาวด์แพลทฟอร์ม สองแพลทฟอร์มหรือมากกว่ามาใช้งาน แต่องค์กรส่วนหนึ่งยังลังเลที่จะนำ Hybrid Cloud ไปใช้งาน เนื่องจากยังมีความเชื่อแบบเดิม ๆ ซึ่งถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนความเชื่อเหล่านั้น…
highlight
- ระบบ ไฮบริดคลาวด์ ช่วยให้องค์กรสามารถเลื
อกประเภทคลาวด์ที่เหมาะสมที่สุ ดให้กับแต่ละเวิร์คโหลด เช่นเดียวกับที่สามารถเคลื่อนย้ ายเวิร์คโหลดไปในสภาพแวดล้ อมไอทีต่าง ๆ ได้ตามความจำเป็น - องค์กรส่วนหนึ่งยังคงลังเลที่
จะนำ ไฮบริดคลาวด์ ไปใช้งาน ด้วยความเชื่อเดิมที่มีมานาน 4 ประการ ได้แก่ อาจทำให้องค์กรสูญเสียการควบคุม และการมองเห็น และรับรู้เกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีขององค์กร, อาจนำมาซึ่งความปวดหัวในเรื่องความปลอดภัย, ยิ่งองค์กรใช้มากเท่าใด ก็จะเกิดช่องโหว่ด้านซัพพลายเชนมากขึ้นเท่านั้น และทำให้เกิดความท้าทายเกี่ยวกับการปฎิบัติตามกฎข้อบังคับ
ถึงเวลาเปลี่ยนความเชื่อเรื่อง Hybrid Cloud แบบเดิมๆ
ไฮบริดคลาวด์ ได้รับการยอมรับให้เป็นบรรทั
และ 45% ขององค์กรเหล่านี้มีการนำคลาวด์
ในการต่อกรกับความต้
ระบบ ไฮบริดคลาวด์ ช่วยให้องค์กรสามารถเลื
เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวให้
ไฮบริดคลาวด์ อาจทำให้องค์กรสูญเสียการควบคุ ม และการมองเห็นและรับรู้เกี่ ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานไอที ขององค์กร
เนื่องจาก ไฮบริดคลาวด์ เกิดจากระบบไอทีที่มีมากกว่าหนึ่
ให้ปลอดภัย และเป็
ด้วยเครื่
และความเสถียรของระบบ ไฮบริดคลาวด์ ขององค์กร ซึ่งเป็นการป้องกันก่อนที่จะเกิ
การใช้ ไฮบริดคลาวด์ อาจนำมาซึ่งความปวดหัวในเรื่ องความปลอดภัย
ระบบรักษาความปลอดภัยด้านไอทีแต่เดิม ให้ความสำคัญกับ การป้องกัน การตรวจสอบ บำรุงรักษา และกำหนดหลักการต่างๆ เพื่อพิทักษ์อาณาเขตของดาต้าเซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม ขอบเขตการป้องกันนั้นยังมีประสิทธิภาพน้อยในแง่ของการรักษาความปลอดภัยบน ไฮบริดคลาวด์ การเชื่อมโยงสภาพแวดล้อมคลาวด์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
เหมือนการเปิดประตูหลาย ๆ บานให้กับผู้จู่โจม และเป็นช่องทางให้การป้องกันแบบเดิมๆ ใช้ไม่ได้ผล นอกจากนี้ยังต้องใช้เวลาในการแพชหรือคอนฟิกระบบต่าง ๆ บนสภาพแวดล้อมที่ผสมผสานกันของไฮบริดคลาวด์ มากขึ้น ความท้าทายอีกประการหนึ่ง คือความต้องการด้านนโยบาย และแผนด้านความปลอดภัยต่าง ๆ ไม่ได้จบสิ้นลง
เมื่อเลิกใช้งานแอปพลิเคชั่นหนึ่งๆ และเมื่อจับคู่ความท้าทายนี้เข้ากับแอปพลิเคชั่นที่มีอายุการใช้งานสั้นและ “ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” จำนวนมากที่มีบทบาทมากขึ้นบนสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ แล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า การคอยมอนิเตอร์เพื่อที่จะทำคอนฟิกูเรชั่น และปรับแก้ให้ถูกต้องด้วยตนเองเมื่อจำเป็น
จะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีอีกต่อไป อย่างไรก็ตามความท้าทายเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม รวมถึงการนำระบบอัตโนมัติมาใช้เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานไอที การทำแพชชิ่งและปรับแก้แบบอัตโนมัติ ช่วยให้องค์กรรับมือ และควบคุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่สำคัญได้อย่างทันท่วงที
ยิ่งองค์กรใช้ ไฮบริดคลาวด์ มากเท่าใด ก็จะเกิดช่องโหว่ด้านซั พพลายเชนมากขึ้นเท่านั้น
เช่นเดียวกับคำกล่าวที่ว่า “ความแข็งแรงของโซ่ทั้งเส้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของจุดเชื่อมข้อต่อที่อ่อนแอที่สุด” ความปลอดภัยขององค์กรก็เช่นกัน จะมีความแข็งแกร่งเท่าใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นด้านความปลอดภัย ณ จุดเชื่อมต่อที่เป็นจุดอ่อนที่สุด
เนื่องจากสภาพแวดล้อม ไฮบริดคลาวด์ อาจประกอบด้วยแพลทฟอร์มคลาวด์จากผู้ขายหลายราย จึงมีความท้าทายที่จะต้องมั่นใจให้ได้ว่าโซลูชั่นเหล่านั้นได้รับการสร้างสรรค์มาโดยคำนึงถึงความปลอดภัย และผู้ขายเหล่านั้นจะยังคงอัปเดทและแพชโซลูชั่นนั้น ๆ อย่างต่อเนื่อง
เพื่อขจัดความกังวลนี้ องค์กรควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไฮบริดคลาวด์ ที่จะนำมาใช้งานมีเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุม ที่เอื้อให้ตนเข้าใจถึงความเสี่ยงด้านไอทีที่ตนกำลังเผชิญอยู่ได้อย่างรวดเร็ว ควรมีการระบุปัญหาสำคัญ ๆ ตามลำดับด้วยการทำการประเมินความเสี่ยง และแสดงให้เห็นถึงความน่าจะเป็น และผลกระทบหลักของแต่ละปัญหา
เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่จะลดผลกระทบของความเสี่ยงได้มากที่สุด ควรมีการเสนอโซลูชั่นที่เหมาะกับองค์กรนั้น ๆ เป็นขั้นตอน เพื่อช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถจัดการความเสี่ยงนั้น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มของระบบ
ไฮบริดคลาวด์ จะทำให้เกิดความท้าทายเกี่ยวกั บการปฎิบัติตามกฎข้อบังคับ
แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่วันนี้จะมีการใช้เทคโนโลยีคลาวด์กันในระดับหนึ่ง องค์กรที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีกฎข้อบังคับที่เข้มงวด ยังจำเป็นที่จะต้องมั่นใจว่าสภาพแวดล้อมด้านไอทีของตนเป็นไปตามเกณฑ์พื้นฐานด้านความปลอดภัยด้านภาษีหรือระเบียบต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้เป็นไปตามกฎข้อบังคับและการตรวจสอบบัญชี
การปรับเปลี่ยนคอนฟิกูเรชั่นด้วยตนเองอาจใช้เวลานานมาก เป็นกระบวนการที่ยุ่งยากและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย ระบบอาจตรวจหาการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นไม่พบ จึงไม่ได้รับการปกป้อง ซึ่งอาจทำให้องค์กรไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบด้านความปลอดภัย ดังนั้น บริษัทต่างๆ ควรขยายศักยภาพ ไฮบริดคลาวด์ ของตนด้วยเครื่องมือ
ที่สามารถช่วยให้มองเห็นภาพโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีความหลากหลายจากจุดศูนย์กลางจุดเดียว ผ่านเครื่องมือที่สามารถสแกนสภาพแวดล้อมไอทีได้อย่างอัตโนมัติเพื่อการคอนฟิกูเรชั่น และการแก้ไข การใช้ ไฮบริดคลาวด์ อาจดูเป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่น เพราะเสมือนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงและความซับซ้อนให้กับโครงสร้างระบบไอที
อย่างไรก็ตาม องค์กรสามารถก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ได้ โดยใช้แนวทางการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบเชิงรุกและรุกอย่างชาญฉลาด ไม่ใช่คอยให้ปัญหาเกิดแล้วจึงหาทางแก้ไข แนวทางหนึ่งที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ คือ ต้องมั่นใจได้ว่ารากฐานของระบบ ไฮบริดคลาวด์ ขององค์กรจะช่วยให้องค์กรมีองค์ความรู้
เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานไอทีของตน เพื่อคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและชี้ให้เห็นความเสี่ยงด้านเทคนิคต่างๆ ที่มีอยู่ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ยังต้องมีขั้นตอนการแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจงกับความท้าทายแต่ละอย่างของแต่ละองค์กร ผ่านการใช้โซลูชั่นที่ทำงานโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาการคอนฟิกูเรชั่นและปัญหาสำคัญต่าง ๆ
ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ด้วยศักยภาพเหล่านี้ องค์กรสามารถลดเวลาที่ใช้ในการบริหารจัดการให้การทำธุรกิจดำเนินอย่างต่อเนื่อง และคงความสำเร็จทางธุรกิจด้วย ไฮบริดคลาวด์ โดยการพัฒนา และนำเสนอนวัตกรรมบนแพลทฟอร์มที่มีความปลอดภัยและยืดหยุ่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายต่างๆ ทางธุรกิจต่อไป
ส่วนขยาย * บทความเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ในมุมมองที่น่าสนใจ ** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการ และผู้สื่อข่าว) *** ขอขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจาก www.pexels.com **** บทความโดย : เบรนแดน ปาเจต์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เร้ดแฮท
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่