VR

ม.เอเซีย เดินหน้าปฏิรูปการศึกษาไทย รับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ซึ่งความแตกต่างจากศตวรรษก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง 

โดยทั้งหมดนี้จะต้องมีการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะความเป็นจริงของโลกที่กำลังขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากขึ้น อย่างเช่นเดียวกับที่ ม.เอเซีย ที่ได้นำเอาเทคโนโลยี มาประยุกต์ใช้กับวงการศึกษา ให้ผู้เรียนได้ลองสัมผัสกระบวนการทำงานผ่านเทคโนโลยี VR

เปลี่ยนแปลงประเทศต้องเริ่มจากการ “เรียน”

การเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หากเราต้องการที่แข่งขันกับประเทศอื่นๆ และก้าวข้ามข้อจำกัดที่เป็นสิ่งฉุดให้ประเทศของเราไม่สามารถก้าวไปได้ทันต่อเวทีการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นในทุกๆวัน โดยในวันนี้สิ่งสำคัญที่จะต้องเดินหน้าเปลี่ยนแปลงคือ “วิธีคิด”

ประเทศที่เจริญก้าวหน้าในระดับโลกต่างเริมจากจุดนี้ เพราะการเปลี่ยนวิธีคิอจะทำให้เราสามารถหลุดพ้นจากกรอบความคิดเดิมๆที่ไม่ช่วยให้เกิดการพัฒนาของคน และหากจะเปลี่ยนวิธีคิดการเริ่มต้นจากกระบวนการเปลี่ยนระบบการเรียนการสอนในปัจจุบันคือการเริ่มที่สำคัญ

VR

ฉัททวุฒิ พีชผล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ กล่าวว่า อย่างที่กล่าวไปการเปลี่ยนรูปแบบของกรอบแนวคิดของการเรียนการสอนแบบเดิมคือจุดที่ต้องเราต้องเร่งเปลี่ยนแปลง เพราะเราไม่ได้อยู่ในยุคที่ใช้สมุด หรือดินสอจดเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาระบบการศึกษาของไทยจะพยายามหยีของออกมาจากกรอบแนวคิดเดิมๆแล้ว

การหนีออกมาจากกรอบเดิมๆที่มีอยู่ต่างมีอุปสรรคมากมาย และอุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือทุนทรัพย์ที่แม้ภาครัฐเองจะพยายามสนับสนุนอย่างไรก็ยังถือว่าช้าไปสำหรับระบบการศึกษาของไทย เพราะมีหลายๆวิชา หลายหลักสูตร การเรียน จำเป็นต้องให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์จริงในการลงมือปฏิบัติ เพื่อลองผิดลองถูก

ซึ่งในส่วนนั้นจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทำให้องค์ความรู้ของผู้ศึกษาจะอยู่ในกลุ่มคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งไม่ตอบโจทย์หากต้องการให้ประเทศก้าวหน้า เพราะผลิตคนไม่ทันต่อควาต้องการของตลาด แต่เมื่อวันนี้เมื่อเกิดเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามา ทำให้การเรียนการสอนสามารถลบข้อจำกัดดังกล่าวไปได้

VR

พัฒนาการเรียนรู้ด้วยระบบสามมิติเสมือนจริง (VR)

ซึ่งการลงทุนการนำระบบเสมือนจริงมาใช้นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาของการงลทุน แลปส์ ในปัจจุบัน ที่เป็นการลงทุนที่ใช้งบประมานมาก ถ้าจะให้สามารถแข่งขันได้กับตลาดบุคลากรในต่างประเทศอาจจะต้องใช้งบการลงทุนทั้งแลปส์ต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ซึ่งถือเป็นงบที่ไม่ว่าสถาบันการศึกษาไหนในประเทศไทยกล้าที่จะลงทุน เพราะมีความเสี่ยงสูงจากการหลายด้านทั้ง งบประมาณในการบำรุงรักษา และอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ซีงเครื่องสำหรับแลปนี้บางเครื่องอาจมีมูลค่าถึง 1 แสนบาท เลยทีเดียว แต่เพื่อให้การเรียนการสอนพัฒนามากขึ้น ล่าสุด

ทาง มหาวิทยาลัยเอเซียอาคเนย์ จึงได้เดินหน้าจับมือกับผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศในการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้กับระบบการสอนของเรา โดยได้ความร่วมมือกับ Labster ซึ่งเป็นผู้นำของโลกที่พัฒนาการเรียนรู้ด้วยระบบสามมิติเสมือนจริง (Virtual reality : VR) ผ่านห้องปฏิบัติการจำลองทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย

โดยการนำแนวคิดและกลไกของเกมมาประยุกต์ในการเรียน ที่เรียกว่า Gamification โดยการจำลองสถานการณ์ของผู้เรียน พร้อมระบบติดตาม วัดผล ที่ทำให้ผู้เรียนเกิดความท้าทายในการเรียนรู้ นักศึกษาสามารถใช้ห้องเสมือนจริง Labster ในการค้นคว้าดุจห้องเรียนจริง อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้กับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก ผ่านทางระบบออนไลน์ได้อีกด้วย  

ซึ่งดำเนินการนี้ถือว่า มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เป็นสถาบันแห่งแรก ๆ ในเอเชีย ที่นำ Labster VR มาใช้จริง เหมือนสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกที่ได้นำ Labster มาใช้ เช่น MIT Harvard California State University Stanford หรือ University of Hong Kong โดยการเรียนในแบบ Labster จะทำให้นักศึกษาเรียนรู้นั้นผ่านระบบสามมิติเสมือนจริง 

VR

สามารถช่วยให้นักศึกษาได้ฝึกทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ผ่านการเรียนรู้ด้วยตนเองด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งการเรียนรู้รูปแบบสามมิติเสมือนจริง เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้เกิด “สังคมแห่งการเรียนรู้” ช่วยลดข้อจำกัดทางการเรียนรู้ของนักศึกษาในเรื่องเวลาและงบประมาณในการเดินทางมหาวิทยาลัย  

อีกทั้งนักศึกษาได้ฝึกทักษะการสื่อสารทางด้านภาษาอังกฤษ รวมถึงลดงบประมาณของมหาวิทยาลัยในการสร้างห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์จริงที่ต้องลงทุนมูลค่าหลายร้อยล้านบาทสำหรับการลงทะเบียนการเรียนนั้น จะเป็นในรูปแบบดิมที่นักศึกษาต้องมาลงเรียนเอง ตามวิชาที่ต้องลงทะเบียนเรียนในแต่ล่ะเทอม เพียงแต่ค่าใช้จ่ายเหมือนเดิม

เนื่องทางมหาวิทยาลัยนั้นได้ทำข้อตกลงกับทาง Labster เอาไว้ โดยคิดค่าใช้จ่ายคิดเป็น ไลเซนส์ หรือจะคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวนคนที่ลงทะเบียนเรียน ซึ่งใน 1 คลอส นั้นสามารถเรียนได้ไม่จำกัด แต่ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 50 คน โดยในลักษณะของการสอนนั้นจะเรียนในห้องเรียนปกติ เพียงแต่นำเอาอุปกรณ์เข้าไปเสริม และทางมหาวิทยาลัยสามารถนำเดินการสอนได้

เนื่องจากตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยได้มีการลงทุนทางด้าน อินฟราสตรัคเจอร์ ในโครงสร้างพื้นฐานมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นระบบอินเอทร์เน็ต หรืออุปกรณ์ต่างๆ ดั้งนั้นการนำเอาเทคโนโลยี เพียงพอ แค่นำเอาเทคโนโลยี Virtual reality : VR มาอยู่คลอสการเรียน 1 เทอม เท่านั้น

และจากการนำเอาแนวคิดนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์มาใช้จากแนวคิดเกมส์ ทำให้เราได้หลักสูตรการสอนในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟที่เหมือนเกมส์ ซึ่งทำให้นักศึกษารู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกม แต่แตกต่างตรงที่เป็นเกมที่แฝงไปด้วยวิชาความรู้ โดยนักศึกษาสามารถเข้าไปดูได้ถึงระดับโมเลกุลของเซลล์ก็ยังได้ หรือแม้กระทั้งสามารถจำลองเหตุการณ์ที่จะเกิดในชีวิตจริงก็ได้

VR

เช่น การการผสมเคมีผิดมีผู้ได้รับบาลเจ็บ ก็สามารถรู้ได้ว่าเกิดขึ้นจากสารเคมีใด นอกจากนี้ในอนาคตอาจจะมีการปรับไปใช้กับหลักสูตรการสอนในรายวิชา ในคณะอื่นๆ โดยเน้นทางด้านสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ หรือต้องลงมือปฏิบัติ เช่น ชีววิทยา (Biology) เคมี (Chemistry) ฟิสิกส์ (Physics) และวิศวกรรม (Engineering) ก่อน

และแน่นอนว่าเพื่อผลักดันให้บุคลากรในประเทศเติบโตให่ทันต่อความต้องการของตลาด ทางมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เองก็พร้อมที่จะเปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยอื่นๆที่สนใจสามารถติดต่อประสานงานเข้ามา ซึ่งเราพร้อมที่จะให้นักศึกษาต่างๆได้เรียนรู้ ซึ่งเราเชื่อว่าจะสามารถทำให้ประเทศเติบโตได้หากสามารถปรับแนวคิดในการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม

วันนี้เรื่องของการนำเอานวัตกรรมทางเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์กับทางการศึกษา ถือเป็นเรื่องที่สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั่วโลก กำลังให้ความสนใจ และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้นดังนั้นเราเองก็ต้องก้าวตามให้ทันถ้าหากอยากจะแข่งขันได้ในระดับโลก

VR
ดร.ฉัททวุฒิ พีชผล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ และผู้บริหารจาก Labster

ทั้งนี้มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ได้เปิดให้นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่าน Labster VR แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2560  ที่ผ่านมาแล้ว โดยเป็นในรูปแบบการเรียนด้วยระบบภาพสามมิติเสมือนจริง VR เสริม จากห้องปฎิบัติการจริง ซึ่งถือจะเป็นการนำนวัตกรรมมาเปิดโอกาสทางการศึกษาให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงชีวิตจริงมากที่สุด

และได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ในการศึกษาแห่งศตรรษที่ 21 ซึ่งจะนำพานักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ให้มีโอกาส พัฒนาทักษะ และได้สัมผัสกับแหล่งความรู้และอุปกรณ์ชั้นนำระดับสากล เทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก