สามารถ Zimple ERP ระบบบริหารบัญชีอย่างมืออาชีพ บริหารงานได้อย่างคล่องตัว มีมาตรฐานพร้อมรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต หวังสนับสนุนให้ SMEs ไทย ก้าวสู่ยุคของเศรษฐกิจดิจิทัล
เนื่องจากปัจจุบันภาครัฐมีนโยบายเร่งด่วนในการส่งเสริม SMEs ของประเทศ ให้เติบโตและยั่งยืน และด้วยภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง ประกอบกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้ประกอบการ SMEs จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบ ได้มาตรฐานพร้อมสำหรับการแข่งขันและเติบโตในอนาคต
ธานินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการรายย่อย หรือเอสเอ็มอี (SMEs) ไทย ยังอยู่ในช่วงปรับตัวเพื่อเติบโตให้ทันต่อการเปลี่ยนของธุรกิจที่ต้องใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น แต่ผู้ประกอบการรายย่อยในหลาย ๆ ธุรกิจยังคงพบปัญหาอย่างมากต่อการเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจของตนเอง เนื่องจากการใช้โซลูชันเข้าไปบริหารจัดการธุรกิจนั้นมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
แม้ว่าปัจจุบันตลาดของซอฟต์แวร์จะมีผู้ให้บริการเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังมีราคาแพง อีกทั้งยังอาจต้องลงทุนในส่วนอุปกรณ์และหาพนักงานที่มีความรู้ทางซอฟต์แวร์มาดูแลเอง ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยหรือสตาร์ทอัพหน้าใหม่ไม่สามารถเติบโตอย่างที่ตั้งใจ สามารถ อินโฟเน็ต จึงอยากมีส่วนช่วยในการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับ SMEs สามารถเทียบเคียงองค์กรขนาดใหญ่
จึงได้พัฒนาระบบด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กรที่จะช่วยขจัดปัญหาทั้งในด้านการขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนต่าง ๆ ของผู้ประกอบการรายย่อยในชื่อ “Zimple Mini ERP on cloud” ขึ้น โดยเป็นโซลูชันวางแผนทรัพยากรองค์กรที่ทำงานผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ โดยผู้ใช้สามารถใช้งานระบบ ERP ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ในทันที อีกทั้งผู้ใช้ยังไม่ต้องลงโปรแกรมและไม่ต้องทำการอัพเกรด เพราะเราจะทำการอัพเกรดให้เมื่อมีการปรับปรุงระบบ
สามารถ Zimple ERP
โดย สามารถ Zimple ERP นั้นเป็นอีอาร์พีขนาดเล็ก (Mini ERP) ที่มีการทำงานหลักอยู่ที่ระบบจัดการบัญชีแบบคู่ (Double Entry) ทำให้การบันทึกบัญชีสมบูรณ์ตามมาตรฐานการทำบัญชีสากล ง่ายต่อการส่งรายงานสรุปปิดบัญชีต่อสรรพากร แต่มีความสามารถที่หลากหลาย และมีฟังก์ชันการบริหารลูกค้า (Mini CRM) ยังช่วยให้ธุรกิจเก็บบันทึกประวัติคู่ค้า ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการซื้อการขายของลูกค้าแต่ละราย
ซึ่งจะทำให้สามารถติดตามประวัติการลงบัญชีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสถานะความเป็นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อระบบเช็คที่ทำให้สามารถตัดจ่ายการชำระเงิน / รับชำระเงินได้ตามจริง โดยสามารถติดตามยอดเงินฝากธนาคารได้ตลอดเวลา
เนื่องจากมีกระดานสรุปข้อมูล (Dashboard) ซึ่งรายงานสรุปภาพรวมของธุรกิจทุกส่วนสามารถทำให้เกิดความคล่องตัวในการทำงานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งสามารถประยุกต์ใช้จัดการธุรกิจอื่น ๆ ในเครือได้
ในกรณีที่ธุรกิจเติบโตจนต้องขยายสาขา สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการใช้งาน Zimple Mini ERP แต่ไม่ทราบว่าจะเริ่มอย่างไร ทางเราก็มีทีมงานให้คำปรึกษา และเทรนนิ่งในช่วงของการย้ายข้อมูลของลูกค้า
และเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยของไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัล เราจึงคิดราคาสำหรับองค์กรธุรกิจที่ต้องการใช้งาน ซึ่งมีทั้งรูปแบบรายเดือนและรายปี โดยเริ่มต้นที่ 700 บาทต่อเดือน ซึ่งให้สิทธิ์ 2 ยูสเซอร์ คือ 1 ผู้ดูแลระบบ (System Admin) และ 1 พนักงาน (Staff) และสามารถเพิ่มจำนวนผู้ดูแลระบบได้ในราคารายละ 700 บาทต่อยูสเซอร์
ขณะที่หากต้องการเพิ่มพนักงานก็จะอยู่ที่รายละ 150 บาทต่อยูสเซอร์ ซึ่งราคาดังกล่าวถือว่ามีราคาที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการรายย่อยของประเทศ เมื่อเทียบกับระบบอีอาร์พี (ERP) ของผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูงและอาจไม่ครอบคลุมการใช้งาน อย่างเช่น Zimple Mini ERP ของเรา
ในอนาคตเราเล็งที่จะพัฒนาให้สามารถเชื่อมโยงกับตลาดการค้าออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ให้ได้ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ใช้ Zimple และอาจจะไปถึงการเชื่อมต่อไปยังหน่วยงานรัฐได้ด้วย เช่น กฏหมายที่เชื่อมโยงกับระบบที่จะเชื่อมต่อกับระบบภาษี (e-Tax Invoice) ของกรมสรรพากร
อย่างไรก็ดี ด้วยความสามาถของระบบ Zimple และราคาที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งาน เราเชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการรายย่อยมาใช้ Zimple เพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วยให้เอสเอ็มอี เติบโตได้เช่นเดียวกับธุรกิจที่มีแหล่งเงินทุนได้ไม่ยาก สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจ สามารถเข้าลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้ฟรีนาน 30 วัน