Epson ฟันธง 3 ปี อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ครองสัดส่วนเกิน 3 ใน 4 พรินเตอร์ สำหรับองค์กรธุรกิจ พร้อมประกาศ เดินหน้ารุกตลาดองค์กรธุรกิจรักษาระดับการเติบโต เชื่อโตเฉลี่ย 7% ต่อปี พร้อมสานต่อกลยุทธ์ Connected Age ผ่านผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 กลุ่ม
Epson มั่นตลาดพรินเตอร์ยังโตต่อเนื่อง
มร.โตชิมิตสุ ทานากะ กรรมการผู้จัดการ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) บริษัท เอปสัน สิงคโปร์ จำกัด กล่าวว่า ภายใน 3 ปี หลังจากนี้ตลาดของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทพรินเตอร์ จะครองสัดส่วนเกิน 3 ใน 4 พรินเตอร์ สำหรับองค์กรธุรกิจ โดยความต้องการเปลี่ยนจากการใช้เครื่องพิมพ์แบบเดิมมาใช้เครื่องพิมพ์แบบแท้งค์แท้มากขึ้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่ เอปสัน ได้เห็นแนวโน้ม และใส่ใจในทุกเรื่องรายละเอียดพัฒนานวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2560 ที่ผ่านมาได้ใช้งบประมาณด้านวิจัย และพัฒนาราว 5.4 หมื่นล้านเยน คิดเป็น 5.2% ของรายได้ประมาณการตลอดทั้งปี (ตกเฉลี่ย 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อวัน)
ซึ่งจากความพยายามดังกล่าวส่งผลให้เอปสันได้รับเลือกจาก Clarivate Analytics ให้ติดหนึ่งในร้อยผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมระดับโลกของปี 2560 และเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน และเพืื่อสานต่อความสำเร็จของเรา เอปสันได้กำหนดวิสัยทัศน์ที่เรียกว่า เอปสัน 25
โดยตั้งเป้าให้ปี 2025 (พ.ศ.2568) เป็นปีที่เอปสันจะสามารถสร้าง “Connected Age” ยุคแห่งการเชื่อมโยงคน สิ่งของ และข้อมูลเข้าด้วยกัน ผ่าน 4 เทคโนโลยีของเอปสันที่ทรง ประสิทธิภาพ แม่นยำ และมีขนาดกระทัดรัด ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรา (พรินเตอร์ โปรเจ็กเตอร์ อุปกรณ์สวมใส่ติดตัว และหุ่นยนต์)
ซึ่งคาดการณ์ว่าหากแนวโน้มความต้องการยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ในอนาคตธุรกิจโดยรวมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 9% ในปีงบประมาณ 2560 นี้ และจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในอีก 3 ปีข้างหน้าที่ 7%
ด้าน ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไปด้านการขาย ผลิตภัณฑ์ และการตลาด บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2017 ที่ผ่านมา เอปสัน ประเทศไทย ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ตามเป้าที่ 7% โดยแบ่งเป็นตลาดประเทศไทย เอปสันทำรายได้เติบโต 6% และตลาดต่างประเทศภายใต้การดูแลของเอปสัน ประเทศไทย ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และปากีสถาน รวมมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น 14%
และหากแยกตามหมวดผลิตภัณฑ์ของเรา ได้แก่ พรินเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารทางภาพ อุปกรณ์สวมใส่ติดตัว และ หุ่นยนต์ จะพบว่า กลุ่มผลิตภัณฑ์อิงค์แท็งค์พรินเตอร์ ของเรายังคงสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้ 7% และยังรักษาตำแหน่ง ผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 46%
ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้อิงค์เจ็ทพรินเตอร์แบบ ตลับหมึกและเลเซอร์พรินเตอร์ขาวดำรุ่นเล็กมาใช้อิงค์แท็งค์พรินเตอร์แทน เพราะต้องการประหยัดต้นทุนการพิมพ์ ต่อแผ่น ต้องการพิมพ์สี และพิมพ์ในปริมาณที่สูงขึ้น
สำหรับ กลุ่มผลิตภัณฑ์พรินเตอร์ระดับมืออาชีพ เราสามารถทำยอดขาย เพิ่มขึ้น 9% เนื่องจากธุรกิจโฟโต้แล็บมีการขยายตัวอย่างมากและนิยมใช้ระบบดิจิทัลกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 650 แล็บทั่วประเทศใช้พรินเตอร์ของเอปสันรวมมากกว่า 1,000 เครื่อง
ในส่วนของ กลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ เรามียอดขายเติบโตขึ้น 6% และยังเป็นเจ้าตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาดรวมถึง 46% โดยมี ปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ สามารถจำหน่ายเครื่องระดับกลาง และระดับบนได้มากขึ้น บวกกับมีการออก ผลิตภัณฑ์ใหม่ และทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเติบโตของ ตลาดต่างประเทศ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตสูงสุดคืออิงค์แท็งค์พรินเตอร์ที่ขยายตัวถึง 70% เนื่องจากตลาด เริ่มให้การยอมรับข้อได้เปรียบของอิงค์แท็งค์พรินเตอร์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี (SME) ตามมาด้วยโปรเจคเตอร์ ที่เติบโตขึ้น 43%
โดยมีตลาดสถาบันการศึกษา และองค์กรธุรกิจเป็นตลาดสำคัญที่เริ่มนำเครื่องระดับกลางและ ระดับบนไปใช้มากขึ้น นอกจากนี้ เอปสันยังเดินหน้าสร้างตลาดใหม่อย่างต่อเนื่องผ่านเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
เป้าหมายทางธุรกิจในปี 2561
สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจในปี 2561 ตั้งเป้าเติบโตรวม 7% โดยแบ่งเป็นตลาดประเทศไทยที่ 5% และ ตลาดต่างประเทศ 15% โดยธุรกิจหลักที่บริษัทฯ โฟกัสประกอบด้วยอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ความเร็วสูงสำหรับองค์กร ขนาดใหญ่ เลเซอร์โปรเจคเตอร์ และหุ่นยนต์แขนกลซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เราเริ่มแนะนำสู่ภาคอุตสาหกรรมไปในช่วงปีที่ผ่านมา
ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากหากพิจารณาจากจำนวนพรินเตอร์ทั้งหมดที่จำหน่ายในปี 2560 กว่า 1.3 ล้านเครื่อง พบว่า 78% อยู่ในองค์กรธุรกิจ และ 22% ในตลาดคอนซูเมอร์ ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 ตลาด เราครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่
แต่วันนี้ปริมาณความต้องการใช้เลเซอร์พรินเตอร์ในตลาดธุรกิจลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับยอดขาย ของอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น จนเอปสันเชื่อว่าภายใน 3 ปีจากนี้ หรือปี 2563 อิงค์เจ็ทพรินเตอร์จะขึ้นมาเป็น มาตรฐานการพิมพ์ใหม่ขององค์กรธุรกิจอย่างแน่นอน ด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 75% หรือ 3 ใน 4 ของพรินเตอร์ ทั้งหมดในตลาดองค์กรธุรกิจ
สำหรับในกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเจคเตอร์ ไฮไลท์ในปี 2561 จะอยู่ที่เลเซอร์โปรเจคเตอร์ที่มีทั้งความทนทานใช้งานได้นาน ทนความร้อนสูงใช้งานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ประสิทธิภาพในการฉายภาพ ระดับ 4K ด้วย Contrast Ratio หรือความต่างระหว่างสีดำ และสีขาวสูง
สามารถแสดงภาพที่มีความลึกและ รายละเอียดภาพ และแสดงภาพแบบ 3 มิติได้อย่างดีเยี่ยม สามารถติดตั้งได้ ไม่ว่าจะเอียงไปมุมไหน และฉายบนพื้นผิวหลายได้รูปแบบ ซึ่งตลาดเลเซอร์โปรเจคเตอร์นี้มีอัตราการเติบโตมากขึ้น และมีความต้องต้องการจากตลาดผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กถึงกลางที่จะนำไปใช้
โดยเรากำลังเพิ่มจำนวนรุ่นจนครอบคลุมจากเดิมที่มีอยู่แต่เครื่องระดับบน โดยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้อย 5 รุ่น ได้แก่ ลูกค้าในธุรกิจร้านค้าขนาดเล็ก หรือใช้ตามบ้าน, สถาบันศึกษาและองค์กรธุรกิจ และการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่และต้องการภาพขนาดใหญ่ อาทิ ห้องจัดงานเลี้ยง หอประชุม โรงละคร พิพิธภัณฑ์ หรืองานอีเว้นท์เอาท์ดอร์
สำหรับกลุ่ม กลุ่มหุ่นยนต์แขนกล (SCARA Robot และ 6-Axis Robot) ที่เราได้เริ่มแนะนำสู่ตลาดในช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมาจาก นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ทำให้หลายอุตสาหกรรมตื่นตัวในการนำ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในสายการผลิต
เพื่อเพิ่มผลิตผล ปรับปรุงคุณภาพผลผลิต ลดต้นทุน และ พัฒนาศักยภาพการทำงาน มีการคาดการณ์ว่าภาคการผลิตของประเทศไทยราว 50% จะเริ่มใช้งานหุ่นยนต์และ ระบบอัตโนมัติภายใน 1 – 3 ปี ขณะที่ธุรกิจขนาดกลางจะพร้อมในอีก 3 – 5 ปี
Business Strategy for 2016
กลยุทธ์ทางธุรกิจสำหรับปี 2561 เราจะยังยังคงยึดแนวทางในการทำธุรกิจที่เน้นเจาะกลุ่ม ลูกค้าองค์กรธุรกิจเป็นหลัก โดยกำหนดกลยุทธ์ไว้ 4 ด้าน ได้แก่ Cusotmer Solutions ที่จะรวมเทคโนโลยีของเอปสันเข้าด้วยกัน และออกแบบเป็นโซลูชั่นเพื่อรองรับธุรกิจของลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ
กลยุทธ์ที่สองคือ Customer Values บริษัทฯ พิสูจน์ให้ลูกค้าได้เห็นถึงคุณค่าทุกด้านที่ลูกค้าจะได้รับเมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเอปสัน (คุณภาพ ความคุ้มค่า ความน่าเชื่อถือ) กลยุทธ์ที่สามคือ Convenience Channel ได้แก่การขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุม ตลาดเป้าหมาย
รวมไปถึงช่องทางจำหน่ายเฉพาะทางสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภทอย่าง เช่น แว่นตาอัจฉริยะ และหุ่นยนต์แขนกล กลยุทธ์สุดท้ายคือ Communications กลยุทธ์ด้านการสื่อสารที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจใน อุตสาหกรรมสามารถจดจำแบรนด์ และคุณค่าด้านต่างๆ ผ่านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมการตลาด
ด้าน อนันต์พล นนทพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไปด้านการบริการและบริหารองค์กร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอปสันมีการพัฒนาระบบการให้บริการลูกค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อยกระดับ ความพึงพอใจของลูกค้า โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้มีการนำระบบ CRM แบบบูรณาการ หรือ Service CRM Integrate System
ซึ่งประกอบด้วย Call Center Management ที่นอกจากจะตอบคำถาม ให้คำแนะนำ และรับเรื่องจากลูกค้าแล้ว ยังรวบรวมข้อมูลคำถามและความสนใจด้านต่างๆ ของลูกค้าไว้ เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นความรู้ใน ระบบ Integrated Knowledge Management
โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งต่อไปยังระบบต่างๆ เพื่อใช้กำหนดรูปแบบงานบริการด้านต่างๆ ให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละประเภท ทั้งด้านการรับประกัน และการเคลม การบริการ ซ่อมแซม รวมถึงการตรวจซ่อมหน้างาน อีกทั้งเรายังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ (First Touch Point Services) โดยได้พัฒนาให้ทีมช่างเทคนิคที่พร้อมจะเข้าระบบ Service CRM Mobile ทันที
เพื่อทำการวิเคราะห์ วินิจฉัยอาการเครื่อง แบบเรียลไทม์จากระยะไกล ไปพร้อมกับการตรวจสอบเครื่องหน้างานของช่างจากศูนย์บริการ ทั้ง 147 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าจะได้รับการแก้ปัญหาที่ตรงจุด หลีกเลี่ยงการเสียค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน ประหยัดเวลา ทั้งยังสามารถทราบถึงการดูแลในลำดับต่อไป หรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่