เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ได้ออกมาเปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจไทยพร้อมขนเม็ดเงินร่วมลงทุนสตาร์ทอัพ (StartUp) กว่า 1,200 ล้านเหรียญฯ และเพื่อช่วยเหล่าสตาร์ทอัพให้ได้พบนักลงทุนจากทั่วโลก NIA เตรียมจัดอีเว้นส์ใหญ่ “สตาร์ทอัพไทยแลนด์ 2018” ในปี้นี้
NIA StartUp Thailand 2018 : Endless Opportunities
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ตั้งเป้าส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งมุ่งเน้นพัฒนา 9 หมวดสาขาธุรกิจ อาทิ การแพทย์และสุขภาพ เกษตร และอาหาร การท่องเที่ยว ให้สามารถออกสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังได้โชว์บริการเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยในหลากหลายด้าน
เช่น บริการด้านฐานข้อมูล บริการแหล่งเงินทุนสนับสนุนนวัตกรรม พร้อมเร่งสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น “สมาร์ทวีซ่า” และมาตรการยกเว้นภาษี ที่จะส่งเสริมให้บุคลากรชั้นนำด้านเทคโนโลยี (Tech Talent) ให้มีการลงทุนธุรกิจประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเป็นแรงส่งเสริมให้สามารถยกระดับด้านธุรกิจนวัตกรรม และสตาร์ทอัพได้
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ยุทธศาสตร์ส่งเสริมสตาร์ทอัพของ NIA ในปี 2561 จะมุ่งผลักดันให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีขีดความสามารถการแข่งขันในระดับโกลบอลหรือ ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในระดับหัวเมืองให้มากขึ้น
โดยมุ่งเน้นใน 9 หมวดสาขาธุรกิจ ได้แก่ เกษตรและอาหาร การเงิน การท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ การศึกษา อสังหาริมทรัพย์และนวัตกรรมเมือง ไลฟ์สไตล์และบันเทิง เทคโนโลยีอุตสาหกรรม และการบริการธุรกิจ สำหรับความพร้อมของ NIA ขณะนี้มีระบบนิเวศที่มีการสร้างพันธมิตรเครือข่ายกว่า 25 ประเทศ
ที่จะช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ด้านความเป็นนานาชาติให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพไทย อาทิ เยอรมนี สวีเดน ออสเตรีย ญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากนโยบายส่งเสริมให้ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยไปสู่ต่างประเทศแล้ว ยังจะมีการส่งเสริมแนวทาง “Smart Visa” เพื่อดึงชาวต่างชาติที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
พร้อมด้วยมาตรการการยกเว้นภาษีที่ขณะนี้มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้สตาร์ทอัพ มีแหล่งเงินทุนที่จะนำไปใช้ดำเนินการบ่มเพาะธุรกิจให้มีความเข้มแข็ง และมีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
ด้านบริการ และการส่งเสริมสตาร์ทอัพในปีนี้ NIA จะเน้นพัฒนาบริการให้เกิดขึ้นอยางครอบคลุมในทุกมิติ และผลักดันให้กลุ่มสตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างไร้ข้อจำกัด เพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ เช่น
บริการแหล่งเงินทุนสนับสนุนนวัตกรรม โดยจะผลักดันให้สตาร์ทอัพในแต่ละกลุ่มได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตลอดจนให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ บริการพี่เลี้ยงด้านการผลิต
การบริหารจัดการ การพัฒนานวัตกรรม ฯลฯ เพื่อให้สตาร์ทอัพสามารถตอบสนองความต้องการตลาดได้อย่างครอบคลุม และเติบโตอย่างก้าวกระโดด
สร้างระบบนิเวศ เพื่อสนับสนุนบรรยากาศที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ ด้วยการเชื่อมโยงกับหน่วยงานเครือข่ายทั่วประเทศในการสนับสนุนด้านพื้นที่ การสร้างมาตรการต่างๆ เช่น โครงการสมาร์ทวีซ่า และมาตรการยกเว้นภาษี
จัดฝึกอบรม สัมมนาให้ความรู้ เพื่อให้เยาวชน ประชาชน ผู้ประกอบการ รวมถึงบุคลากรภาครัฐ ได้มีโอกาสเรียนรู้ถึงเทรนด์นวัตกรรม มากกว่า 150 กิจกรรม ซึ่งแต่ละกิจกรรมจะมีหลักสูตรที่เข้มข้นที่สามารถให้แนวทางพร้อมทั้งการปฏิบัติจริงในการพัฒนาธุรกิจ
และสามารถนำมาปรับใช้ในการขอรับการพิจารณาสนับสนุนเงินทุนในการดำเนินการจาก NIA ได้ นอกจากนี้ยังมีการจัดค่ายต่างๆให้กับเยาวชนและนักศึกษา ในการค้นหาและบ่มเพาะความเป็นสตาร์ทอัพ ซึ่งจะต่อยอดการลงทุนให้กับกลุ่มเหล่านี้ในอนาคตต่อไป
เวิร์กช็อปเพื่อเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อให้ สตาร์ทอัพ สามารถเติบโตได้ดีมากขึ้น NIA จะผลักดันให้กลุ่มสตาร์ทอัพได้มีโอกาสที่กว้างขวางในการเข้าถึงการสนับสนุนจากหน่วยงาน องค์กร หรือภาคธุรกิจในไทยและต่างประเทศ และทำให้เกิดการเตรียมความพร้อมที่จะขยับขยายไปสู่เวทีสากลได้เร็วขึ้น
ผ่านกิจกรรมไฮไลท์ต่างๆ ตลอดทั้งปี อาทิ กิจกรรม Dream Fest กิจกรรม District Summit กิจกรรม Health Fest กิจกรรม Startup Thailand เป็นต้น
บริการด้านฐานข้อมูล NIA ได้ดำเนินการจักสร้าง Web Portal ในชื่ www.startupthailand.org ขึ้น เพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงาน และสตาร์ทอัพ โดยเป็นช่องทางการสร้างการรับรู้เกี่ี่ยวกับกลไกและกิจกรรมการสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้นของ NIA ให้กลุ่มประชาชน ผู้ประกอบการ รวมถึงนักศึกษาได้รับทราบและนำไปสู่การต่อยออด
และพัฒนาธุรกิจ รวมทั้งการให้บริการด้าน Big Data ที่จะช่วยประมวลผล และวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้ธุรกิจสตาร์ทอัพสามารถปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ต่างๆที่ีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เตรียมลุยงานใหญ่ รับเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลก
โดยตลอดช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา การเติบโตของสตาร์ทอัพไทยมีการเปลี่ยนไปจอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น การผลักดันให้กรุงเทพเป็นเมืองเป้าหมายที่น่าลงทุนอันดับหนึ่งในเอเชีย การเกิดขึ้นของสตาร์ทอัพที่ประกอบธุรกิจได้จริงเกือบสองพันราย
การผลักดันให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยสามารถจดทะเบียนและจัดตั้งธุรกิจได้กว่า 30 บริษัท การเปลี่ยนกฎหมาย พรบ. สิทธิประโยชน์ มาตรการทางภาษี ตลอดจนการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสตาร์ทอัพสัญชาติไทย เป็นผลให้บริษัทและธุรกิจขนาดต่างๆในประเทศเกิดความสนใจและมีเงินที่พร้อมลงทุนกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 35,000 ล้านบาท
ซึ่งใน เดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ทาง NIA ได้กำหนดจัดงาน Startup Thailand 2018 ภายใต้แนวคิด Endless Opportunities เพื่อโชว์ศักยภาพธุรกิจสตาร์ทอัพไทยกว่า 400 ราย แก่นานาชาติ ซึ่งภายในงานจะประกอบไปด้วยกิจกรรมไฮไลท์ต่างๆ
อาทิ พื้นที่จัดแสดงกลุ่มธุรกิจตัวอย่างของสตาร์ทอัพ เช่น ฟินเทค การแพทย์ เกษตรและอาหาร เวทีพิชชิ่งธุรกิจ กิจกรรม Speed Dating การให้คำปรึกษาโดยพี่เลี้ยงมากประสบการณ์แบบตัวต่อตัว เวทีให้ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญกว่า 500 ราย กิจกรรมฟอรั่มจากผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติกว่า 20 ประเทศ
กิจกรรมการแข่งขันแฮ็คคาธอน และกิจกรรมแข่งขัน Startup Thailand League ระดับอุดมศึกษาและ อาชีวะศึกษา ฯลฯ อย่างไรก็ตามงานดังกล่าว จะเป็นช่องทางในการผลักดันให้กลุ่มสตาร์ทอัพในประเทศไทยที่มีอยู่กว่าพันราย และบุคคลที่มีความสนใจได้มองเห็นถึงโอกาสในการต่อยอดแนวคิด โมเดลธุรกิจ
และนวัตกรรมในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ พร้อมกับเป็นการสร้างพื้นที่ในการพบปะนักลงทุนระดับนานาชาติในระดับที่เข้มข้นขึ้น
ทั้งนี้ ในการดำเนินกิจกรรม NIA ได้เชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนภายในประเทศกว่า 50 หน่วยงาน และหน่วยงานพันธมิตรจากต่างประเทศอีกกว่า 20 หน่วยงาน ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 60,000 คน
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่