NTT Security

NTT Security ประกาศเตรียมขยายการบริการด้านการรักษาความปลอดภัย ในประเทศไทย ชูจุดเด่น ระบบรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศแบบจัดการรวมศูนย์ และบริการการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศระดับมืออาชีพ แบบพิเศษ

NTT Security

NTT Security Expands Security Services Into Thailand

เอ็นทีที ซีเคียวริตี้ เตรียมเดินหน้าขยายบริการด้านความปลอดภัยเข้าสู่ตลาดไทย โดยชูจุดเด่นในด้านของระบบรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศแบบจัดการรวมศูนย์ (Managed Security Services – MSS) และบริการการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศระดับมืออาชีพ (Professional Security Services) แบบพิเศษ 

โดยอาศัยความแข็งแกร่งดา้ นขอ้ มูลข่าวกรองดา้ นภัยคุกคามภัยระดับโลก (Global Threat Intelligence) และการวิเคราะห์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ขัั้นสูง (Cyber Threat Advanced Analytics) เพื่อมอบโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพ และซับซ้อนให้กับบริษัทและหน่วยงานรัฐต่างๆ ในประเทศไทยและบริษัทระดับโลกในภูมิภาคนี้

Jun Sawada CEO ของ NTT Security กล่าวว่า บริการนี้จะนำออกสู่ตลาดผ่านบริษัทในเครือ NTT Group ได้แก่ Dimension Data, NTT Communications และ NTT DATA ซึ่งประกอบเป็นส่วนหนึ่งของชุดบริการแบบผสมผสานที่จะรับรองความสาเร็จของการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง ไปสู่ระบบดิจิทัลของลูกค้า

โดยบริการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศแบบจัดการรวมศูนย์ ที่รวมทั้งทั้งนักวิเคราะห์ด้านการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศที่มีความเชี่ยวชาญ และแพลตฟอร์มการวิเคราะห์เอกสิทธิ์ของบริษัทที่สนับสนุน ด้วยข้อมูลข่าวกรอง ด้านภัยคุกคามภัยระดับโลก

ซึ่งทั้งหมดนี้จะมอบความสามารถในการตรวจจับ และไล่ล่าภัยคุกคามใหกั้บลูกค้าของ NTT มาแล้วทั่วโลก เรายินดีที่ได้ขยายการใหบริการการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศขั้นสูงของเรามายังประเทศไทย

ทั้งนี้ NTT Security และบริษัทต่างๆ ในเครือ NTT Group จะมอบความมั่นคงทางไซเบอร์ เพื่อรับรองว่าองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย

NTT Security

ด้าน Martin Schlatter CIO และ CEO ประจาภูมิภาคของ NTT Security ประจำเอเชียแปซิพิก กล่าวเสริมว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยมีศักยภาพสูง และมีการเติบโตของ GDP ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย และอยู่ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศอาเซียน

โดยจากการคาดการณ์ เชื่อว่า GDP ประจำปีจะเติบโตอยู่ที่ 3.329% ภายในปี 2018 และโตเพิ่มเป็น 3.357% ภายในปี 2019 เนื่องจากประเทศไทยมีความโดดเด่น  ในภาคธุรกิจการผลิตและการส่งออกสินค้า และการบริการในกลุ่มยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์

ซึ่งประเทศไทยขณะนี้กาลังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตที่เพิ่มมูลค่าสูง และอุตสาหกรรมการบริการที่เติบโตขึ้น เรื่อยๆ อย่างไรก็ตามการเติบโตเช่นนี้ย่อมเป็นเป้าหมายการโจมตีทางไซเบอร์แบบเจาะจงเป้าหมายที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะการโจมตีที่มุ่งเป้าไปที่ทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ผลิต ซึ่งในทางกลับกันเหตุการณ์เช่นนี้ได้ก่อให้เกิดความต้องการบริการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จากบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศอย่าง NTT Security

โดยจากรายงานข้อมูลข่าวกรองด้านภัยคุกคามภัยระดับโลก (Global Threat Intelligence Report – GTIR) ของ NTT Security พบว่า ภาคการผลิตติดอันดับ 1 ใน 3 ของอุตสาหกรรมที่มีตกเป็นเป้าโจมตีใน 5 จาก 6 ทวีป แค่ในเอเชียเพียงแห่งเดียว ภาคการผลิตก็เป็นอุตสาหกรรมที่ตกเป็นเป้าโจมตีสูงสุดอันดับที่ 2 (32%) ตามหลังภาคธุรกิจการเงินมาติดๆ

ดังนั้นภูมิภาคนี้รับรู้ถึงผลกระทบของการมีความสามารถด้านการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ และเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย บริษัทต่างๆ ในประเทศไทยก็ไม่มีภูมมิคุ้มกันจากการโจมตี และต้องเผชิญกับภัยคุกคามไม่ต่างกัน และจากข้อมูลของศูนย์ข่าวกรองด้านภัยคุกคามระดับโลก (Global Threat Intelligence Center – GTIC) เราพบว่าประเทศไทยอยู่อันดับที่ 19

ในการเป็นที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์คำสั่ง และควบคุมที่ส่งคำสั่งไปยังบอตเน็ตจากระยะไกล โดยมีบอตเน็ตมากกว่า 9% จากบอตเน็ตทั้งหมดพยายามติดต่อกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทย อันที่จริง เอเชียมีส่วนสำคัญต่อกรณีบอตเน็ต Mirai ที่ใช้ใน การโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (Distributed Denial-of-Service – DDoS) ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง

NTT Security

“ธุรกิจในเอเชียไม่ได้รักษาความปลอดภัยให้กับเครื่องลูกข่ายอย่างเพียงพอในสเกลใหญ่ๆ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า อาชญากรไซเบอร์กำลังมองหาทางใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ ดังนั้นการใช้โซลูชั่นรักษาความปลอดภัยระบบ และนำมาปรับใช้ในทุกระดับของธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งหากการรักษาความปลอดภัยถูกลดทอนลงไปอุปกรณ์ของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีนั้นอาจถูกขึ้นบัญชีดำ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงองค์กร และสูญเสียความสามารถที่จะทางานในออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งในฐานะศูนย์กลางด้านความเป็นเลิศ เอ็นทีที ซีเคียวริตี้ จึงมุ่งมั่นที่จะลงทุนในการสร้างนวัตกรรมแห่งการบริการด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบสารสนเทศเสมอมา และจะขยายความครอบคลุมของบริษัทอย่างต่อเนื่องโดยร่วมมือกับบริษัทในเครือ NTT Group

พร้อมกับปรับปรุงความแข็งแกร่งด้านข่าวกรองด้านภัยคุกคามระดับโลก และการวิเคราะห์ชั้นสูง
โดยประสานความร่วมมือกับ NTT R&D และกับพันธมิตรทางเทคโนโลยีต่างๆ”  Schlatter กล่าวเสริม

ส่วนขยาย

* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง 
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
*** ขอบคุณภาพประกอบจาก www.pexels.com

สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่