ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราจะเห็นแนวโน้ม (Trends) ของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายมิติ ซึ่งเป็นผลจากการที่เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจในหลายๆ อุตสาหกรรม จำเป็นต้องสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจน มีความแตกต่าง โดยต้องใช้ “ง่าย และสะดวก” และที่สำคัญคือผู้บริโภคต้องสามารถปรับเปลี่ยนเองได้
2018 Hot Consumer Trends : Technology Turns Human
โดยจากรายงานประจำปีฉบับที่ 7 ของ อีริคสัน (ERICSSON) ออกมาเผยถึงแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค และทัศนคติของผู้ใช้งาน หรือผู้บริโภคมีแนวคิดที่ผู้บริโภคคาดหวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น โดยส่วนมากเชื่อว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็น การใช้ภาษากาย การแสดงออกทางสีหน้า และการออกเสียงสูงต่ำ จะช่วยเสริมการควบคุมด้วยเสียง และสัมผัสระหว่างผู้บริโภคกับอุปกรณ์เทคโนโลยี และจะทำให้เกิดการปรับตัวได้ง่ายขึ้นในช่วงเวลาที่ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยภายในรายงาน “The 10 Hot Consumer Trends for 2018 and beyond“ ของ อีริคสัน ระบุว่า ภายในปี 2018 และในอนาคตจะได้เห็น 10 แนวโน้ม ดังต่อไปนี้
- Your Body is the User Interface
ผู้ใช้งานปัจจุบันมากกว่าครึ่งที่ใช้อุปกรณ์สั่งงานด้วยเสียงมีความเชื่อว่าเราจะใช้ท่าทาง การแสดงออกทางสีหน้า การออกเสียงสูงต่ำ และการสัมผัส ในการทำปฏิสัมพันธ์กับอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ ราวกับเพื่อนมนุษย์ ผู้ใช้งานจำนวน 2 ใน 3 ส่วนคิดว่าแนวโน้มเช่นนี้จะเกิดขึ้นภายในอีก 3 ปี ข้างหน้า
- Augmented Hearing
63% ของผู้บริโภคอยากได้หูฟังที่ช่วยแปลภาษาแบบ real time และ 52% ของผู้บริโภคต้องการที่จะใส่หูฟังเพื่อป้องกันเสียงรบกวนจากการกรนของคนในครอบครัว
- Eternal Newbies
ผู้บริโภค 30% กล่าวว่าเทคโนโลยีใหม่ทำให้พวกเขารู้สึกล้าหลัง แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ยังทำให้พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ขณะที่ผู้บริโภค 46% กล่าวว่าอินเตอร์เน็ตทำให้พวกเขาได้เรียนรู้และลืมทักษะต่าง ๆ เร็วกว่าที่เคยเป็นมา
- Social Broadcasting
โซเซียลมีเดียยังคงถูกเผยแพร่ด้วยตัวกระจายภาพและเสียงแบบเดิม แต่ครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้บริโภคกล่าวว่า AI จะมีประโยชน์ในการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกโพสต์ลงบนโซเซียลเน็ตเวิร์ค
- Intelligent Ads
การทำโฆษณาสินค้า และผลิตภัณฑ์จะเป็นไปอย่างชาญฉลาด ผู้ใช้งานเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR/VR) จำนวนกว่าครึ่งคิดว่าการทำโฆษณาอัจฉริยะมีความเหมือนจริงมากจนแทบจะสามารถใช้ทดแทนผลิตภัณฑ์จริงได้เลย
- Uncanny Communication
ผู้บริโภคจำนวน 50% คิดว่าไม่สามารถบ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรได้ และผู้บริโภคจำนวน 40% ยังถูกหลอกด้วยสมาร์ทโฟนที่มีปฏิกิริยาโต้ตอบต่ออารมณ์ของพวกเขาได้อีกด้วย
- Leisure Society
32% ของนักเรียนและคนทำงานคิดว่าพวกเขาไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะทำงานเท่านั้น และอีก 40% กล่าวว่าพวกเขาต้องการหุ่นยนต์ที่จะสามารถทำงานสร้างรายได้ให้แก่พวกเขา และยังสามารถมีเวลาพักผ่อนอีกด้วย
- Your Photo is a Room
จินตนาการทำให้เราสามารถเดินเข้าไปดูรูปและหวนระลึกถึงอดีตได้ ผู้บริโภคจำนวน 3 ใน 4 เชื่อว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า พวกเขาจะได้ใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (virtual reality) เดินเข้าไปดูรูปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนได้
- Streets in the Air
การจราจรบนถนนทั่วไปในเมืองอาจติดขัด แต่บนท้องฟ้ายังคงมีที่ว่าง โดยผู้บริโภคจำนวน 39% คิดว่าเมืองของพวกเขาต้องการโครงข่ายถนนสำหรับโดรนและยานพาหนะที่บินได้ อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีความกังวลว่าโดรนจะหล่นลงบนหัวของพวกเขาสักวัน
- The Charged Future
โลกแห่งการเชื่อมต่อย่อมต้องการพลังงานมากกว่า โดย 80% ของผู้บริโภคเชื่อว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะมีแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องที่ชาร์จอีกต่อไป
ไมเคิล บิยอร์น หัวหน้างานฝ่ายวิจัย ห้องปฏิบัติการวิจัยผู้บริโภคของอีริคสัน กล่าวว่า พวกเรากำลังเข้าสู่ยุคแห่งอนาคตที่อุปกรณ์ต่าง ๆ จะไม่จำเป็นต้องมีปุ่มเปิดปิดหรือสวิตช์แต่อย่างใด แต่จะถูกควบคุมด้วยระบบดิจิทัลผ่านสมาร์ทโฟนแทน
ในความเป็นจริงแล้ว นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นและยากสำหรับผู้คนที่จะต้องเรียนรู้การใช้งานแบบใหม่ในทุก ๆ อุปกรณ์ที่ถูกเชื่อมต่อเข้ากับ Internet of Things (IoT)
ในวันนี้คุณอาจรู้สึกว่ามันยุ่งยากซับซ้อนในการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่ในอนาคตอุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นฝ่ายเรียนรู้เราเอง ในการที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง อุปกรณ์จะต้องสามารถถ่ายทอดข้อมูลปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ที่มีความซับซ้อนได้ เพื่อที่จะประมวลผลไปยังระบบ could
และให้การตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติภายในเวลาอันรวดเร็วระดับหนึ่งในพันของหนึ่งวินาที และความต้องการเหล่านี้จะเพิ่มมากขึ้นในยุคต่อ ๆ ไป
ทั้งนี้ข้อมูลในรายงาน 10 แนวโน้มผู้บริโภคปี 2561 มาจากห้องปฏิบัติการวิจัยผู้บริโภคของอีริคสัน ซึ่งทำการวิจัยมามากกว่า 22 ปี และผลสำรวจออนไลน์เกี่ยวกับผู้ใช้อินเตอร์เน็ตใน 10 เมืองทีมีอิทธิพลทั่วโลก เมื่อเดือนตุลาคม 2560 การศึกษาในครั้งนี้อ้างอิงจากกลุ่มตัวอย่างประชากรจำนวน 30 ล้านราย
ซึ่งเป็นผู้ที่มีการปรับเปลี่ยนได้เร็วกว่าผู้อื่น ทำให้กลุ่มตัวอย่างมีความเข้าใจในการทำแบบสำรวจแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
*** ขอบคุณภาพประกอบจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่