รัฐ-เอกชน ผนึกกำลังขับเคลื่อนเ
Smart City Solution Week 2019
มร. ฮูเบิร์ต ดูห์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต นิว เอร่า บิสซิเนส มีเดีย จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง ดีป้า กับเมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต ในการจัดงานแสดงเทคโนโลยี 4 งานพร้อมกันก่อให้เกิดเป็นมหกรรมงานแสดงสินค้าในแนวคิด สมาร์ท ซิตี้ โซลูชั่น วีค
จะเกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของไทยและอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เวิลด์เด็กซ์ และ ดิ เอ็กซ์ซิบิส จะเข้าใจถึงความต้องการของตลาด ในประเทศ ขณะที่เราจะนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการจัดงานแสดงเทคโนโลยีระดับโลก
พร้อมจุดแข็งด้านเครือข่ายพันธมิตรของเมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ตที่มีอยู่ทั่วโลกมาสนับสนุนการเติบโตของงาน ตอบสนองความต้องการในประเทศ ยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าชมงาน และที่สำคัญเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่แวดวงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอีกด้วย
ด้าน ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า เราหวังว่าความร่วมมือกับพันธมิตรทุกหน่วยงานที่ก่อให้เกิดมหกรรม สมาร์ท ซิตี้ โซลูชั่น วีค จะเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของไทย และอาเซียน
ทั้งนี้เพราะการพัฒนาเมืองสู่เมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืนเป็นแนวโน้มที่ปฏิเสธไม่ได้ของเมืองต่างๆ ในอาเซียน ดังนั้นเราจึงหวังว่าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์จากงานมหกรรมในครั้งนี้ที่เปรียบเสมือนแพลตฟอร์มระบบนิเวศของโซลูชั่นส์เพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะแบบบูรณาการ
โดยในปี 2561 งานซีเคียวเทค ไทยแลนด์ งานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ และ ไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ นั้นสามารถดึงดูดผู้แสดงสินค้าได้กว่า 300 รายจาก 18 ประเทศและได้ต้อนรับผู้ชมงานกว่า 10,000 คน และในปีนี้ เมื่อผนวกการจัดงานทั้ง 3 งานพร้อมกับ งานดิจิทัล ไทยแลนด์ บิ๊กแบง
ซึ่งเป็นงานด้านดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน เป็นมหกรรมงานแสดงสินค้าภายใต้คอนเซปต์ Smart City Solution Week 2019 นอกจากจะเพิ่มความยิ่งใหญ่ของการจัดงานแล้ว ยังจะดึงดูดผู้เยี่ยมชมมากขึ้น และขยายโอกาสทางธุรกิจและองค์ความรู้เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะเพิ่มขึ้นด้วย
4 งานแสดงสินค้าที่เชื่อมโยงความเชี่ยวชาญแต่ละอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ
งานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ 2019 และงานไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ 2019 ซึ่งมีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ จะจัดร่วมกันภายใต้แนวคิด “City + IoT – A sustainable and livable future” มุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีพัฒนาเมือง และไอโอที
เพื่อการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนและน่าอยู่ ตอบสนองวิวัฒนาการดิจิทัลที่เทคโนโลยีไอโอทีถูกนำมาประยุกต์ใช้กับโซลูชั่นส์เพื่อการพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ อาทิ ระบบไฟถนนอัจฉริยะ ระบบโครงข่ายสำหรับส่งไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทกริด รวมทั้งระบบอาคารอัจฉริยะ และระบบพลังงานอัจฉริยะ
โดยอาศัยเซ็นเซอร์เพื่อเก็บบันทึกและแลกเปลี่ยนข้อมูล และความสามารถในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายของเมืองอัจฉริยะที่ซับซ้อน นำไปสู่การพัฒนาแอปพลิเคชั่นสมาร์ทซิตี้นับพันแอป ช่วยให้ผู้นำเมือง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนาเมืองมีข้อมูลคุณภาพสูงจำนวนมหาศาล
ที่สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ภายใต้แนวคิดดังกล่าว งานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ 2019 และงานไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ 2019 จะนำเสนอโซลูชั่นส์ที่ตอบสนองความต้องการของสมาร์ทซิตี้ในหลายด้าน
ตั้งแต่โซนแอปพลิเคชั่นดิจิทัล (ระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ, ที่จอดรถอัจฉริยะ และอาคารอัจฉริยะ) โซนเทคโนโลยีอัจฉริยะ (เซ็นเซอร์อัจฉริยะ ระบบควบคุมอัจฉริยะ รวมทั้งสมาร์ท ไลท์ติ้ง แพลตฟอร์มอัจฉริยะต่างๆ) โซนระบบการบริหารจัดการอัจฉริยะ (การบริหารทรัพยากรอัจฉริยะ และการบริหารจัดการชุมชนอัจฉริยะ)
นอกจากนี้เพื่อสร้างเมืองแห่งอนาคตที่ยั่งยืนและน่าอยู่ภายในงานยังมุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นส์การบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ รวมถึงพลังงานทดแทน และการผลิตพลังงานไฟฟ้า การไฟฟ้าดิจิทัล อีกด้วย
โดยงานซีเคียวเทค ไทยแลนด์ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การจัดงานครั้งแรกในปี 2554 จนได้รับ การยอมรับว่าเป็นงานแสดงสินค้าสำคัญที่มืออาชีพในอุตสาหกรรมความปลอดภัยทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนห้ามพลาดส่วนหนึ่งเป็นเพราะโซลูชั่นส์ความปลอดภัยอัจฉริยะมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
โดยในปีนี้งานซีเคียวเทค ไทยแลนด์ 2019 จะจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Security + AI – Empowers Sustainable City Development” โดยจะนำเสนอนวัตกรรมความปลอดภัยที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีไอโอที (IoT) ล่าสุดเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเมืองอัจฉริยะ
เทคโนโลยีเอไอ หรือปัญญาประดิษฐ์จะช่วยเสริมศักยภาพของกล้องวงจรปิดที่นับเป็นอุปกรณ์ระบบรักษาความปลอดภัยหลักให้ทำงานได้มากกว่าการปกป้องทรัพย์สินและมีความอัจฉริยะมากขึ้นเพื่อพัฒนาเมืองอัจฉริยะในด้านต่างๆ โดยเฉพาะระบบคมนาคมขนส่ง การสื่อสาร การดำรงชีวิต การดูแลผู้สูงอายุ
อาทิ ฟังก์ชั่นการจดจำใบหน้าและแจ้งเตือนหากตรวจจับใบหน้าของโจรผู้ร้ายที่เคยบันทึกไว้ การติดตามเฝ้าระวังผู้มีพิรุธที่เดินไปตามจุดต่างๆ การใช้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิดมาวิเคราะห์คำนวนจำนวนรถบนถนนและปรับปรุงการจราจร เป็นต้น
เพื่อรองรับความต้องการของผู้เข้าชมงานในการจัดหาโซลูชันส์ที่แตกต่างกันและเน้นตลาดความปลอดภัยที่สำคัญที่สุด งานซีเคียวเทค ไทยแลนด์ 2019 จะประกอบด้วย 5 โซน ได้แก่ โซน Smart Police โซน Safe Factory โซน Smart Transportation โซน Smart Campus และโซน Smart Solutions
ที่เน้นโซลูชั่นส์การจัดการสิ่งแวดล้อม โดยโซนเหล่านี้จะประกอบไปด้วยเทคโนโลยีและโซลูชั่นส์ล่าสุดด้านระบบเฝ้าระวัง ระบบระบุตัวตน ไบโอเมตริกซ์ เซ็นเซอร์อัจฉริยะ สัญญาณเตือนภัย ระบบควบคุมการเข้าออก และระบบจัดการฝูงชน
ในส่วนของงาน ดิจิทัล ไทยแลนด์ บิ๊กแบง โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2560 เป็นงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัล นำเสนอถึงวิธีการนำบิ๊ก ดาต้าหรือข้อมูลขนาดใหญ่มาใช้ในการเปลี่ยนแปลงสังคมและปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพในเมือง
ภายใต้ภารกิจที่จะมุ่งสู่ ไทยแลนด์ 4.0 โซลูชั่นที่สามารถพบได้ในงานนี้ ได้แก่ ระบบการบริหารจัดการเมือง คลาวด์ คอมพิวติ้ง ผลิตภัณฑ์ ฟินเทค และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล อาทิ ระบบเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้น้ำ และดาวเทียม
งานดิจิทัล ไทยแลนด์ บิ๊กแบง 2019 และ งานซีเคียวเทค ไทยแลนด์ 2019 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคม 2562 งานไทยแลนด์ ไลท์ติ้ง แฟร์ และงานไทยแลนด์ บิลดิ้ง แฟร์ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-30 ตุลาคม 2562 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติไบเทค กรุงเทพ
จากข้อมูลของ MarketsandMarkets คาดการณ์ว่าตลาดสมาร์ทซิตี้จะเติบโตจากมูลค่า 308 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562 ไปเป็น 717.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2566 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 18.4% ในช่วง 4 ปี ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ คือ ความต้องการด้านความปลอดภัยในที่สาธารณะ
การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรที่เข้ามาใช้ชีวิตในเมือง และโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ โดยระบบการคมนาคมขนส่งอัจฉริยะจะเป็นสัดส่วนตลาดที่ใหญ่ที่สุดเนื่องมาจากความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อรองรับจำนวนประชากรในเมืองที่เพิ่มขึ้นและความจำเป็นในการบริหารจัดการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อการวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ
** เขียน: ชลัมพ์ ศุภวาที (บรรณาธิการและผู้สื่อข่าว)
*** ขอขอบคุณภาพบางส่วนจาก www.pexels.com
สามารถกดติดตามข่าวสารและบทความทางด้านเทคโนโลยีของเราได้ที่