วีม ซอฟต์แวร์ จัดสัมมนาใหญ่ในไทย สร้างความเข้าใจผ่านกลุ่มพาร์ตเนอร์ และลูกค้าในไทยด้านการแบ็กอัพและกู้คืนข้อมูล ชูศักยภาพ Cloud Data Management ตั้งเป้าหมายการเป็นเบอร์ 1 ด้านแบ็กอัพข้อมูลภายใน 2 ปี
โดยเน้นย้ำบริษัทเติบโตถูกที่ถูกเวลาจากยุคเวอร์ช่วลไลเซชั่น สู่ยุค Multi Cloud หรือ Hybrid Cloud ด้วยการจัดการที่ง่าย มีฟังก์ชั่นรอรับการใช้งานที่เน้นความต้องการจริงที่หลากหลาย มีความเสถียรในการสื่อสารข้อมูลและแอปพลิเคชันต่างๆ บนความซับซ้อน และให้ความยืดหยุ่นรองรับทุกรูปแบบแพลตฟอร์ม อินฟราสตรัคเจอร์
วีมพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุนด้าน R&D เพื่อเสริมความสามารถใหม่ๆ ในการใช้งานอย่างเช่นการทำ Cloud-Native Backup การเปิดให้มีการย้าย License ไปใช้งานบน Cloud ได้ และอื่นๆ เพื่อให้ธุรกิจองค์กรสามารถนำวีมไปใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ตอบรับต่อสภาพของตลาดที่เทคโนโลยีใหม่ๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงทุกวันได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันนี้ Veeam รองรับการทำงานร่วมกับทั้งบริการ Cloud ของ AWS, Azure, IBM และ Google ได้แล้ว
นายฌอน แม็กลาแกน รองประธานบริหารอาวุโส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น บริษัท วีม ซอฟต์แวร์ กล่าวว่า วันนี้โลกของข้อมูลมีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปริมาณมากทุกวัน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทำให้การรับส่งข้อมูลและการเก็บรักษา มีความเสถียรและต่อเนื่องในการใช้งาน
โซลูชั่นการแบ็กอัพของบริษัทวีม ซอฟต์แวร์ จะช่วยให้ลูกค้าสามารถย้ายข้ามระบบโครงสร้าง ระบบคลาวด์ และโซลูชั่นต่างๆ ได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังจัดการง่าย ช่วยลดเวลาการแบ็กอัพระบบได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีปริมาณข้อมูลมหาศาลก็ตาม และปัจจุบัน บริษัทวีม ซอฟต์แวร์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 4 พันรายในปี 2019 นี้ (รวมลูกค้าทั้งหมดกว่า 3.5 แสนรายทั่วโลกในปี 2019) คิดเป็นการเป็นการเติบโตกว่า 36% เทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับตลาดไทยนั้น นายเจษฏา ภาสวรวิทย์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย และกัมพูชา ลาว พม่า กล่าวว่า ในประเทศไทยมีลูกค้าใหม่เติบโตขึ้นกว่า 36% นับเป็นการเติบโตขึ้นมากกว่าเบอร์หนึ่ง และหากย้อนกลับไป 3 ปี เราเติบโตต่อเนื่องกว่า 21% เพิ่มคนจาก 2ปีที่ผ่านมากว่า 62% และเป็นเบอร์ 3 ของตลาดโซลูชั่นเวอร์ช่วลไลเซชั่นแบ็กอัพในประเทศไทย ด้วยความที่เราเติบโตมากับยุคของ คลาวด์ การเกิดขึ้นของเวอร์ช่วลไลเซชั่น ในยุคที่วีเอ็มแวร์เกิดขึ้น
ซึ่งทำให้เรามีจุดแข็งของการเกิดขึ้นบนพื้นฐานของ Cloud ซึ่งแตกต่างจากรายอื่นๆ ที่โตขึ้นมาจากฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ทำให้เราพัฒนาไปได้เร็วในทิศทางที่ถูกต้อง บนความนิยมของ Cloud ที่เกิดขึ้น ในส่วนของการขาย เราร่วมมือกับพาร์ตเนอร์เป็นหลัก เน้นการขายผ่านตัวแทนทั้งหมด ซึ่งแตกต่างตามรูปแบบของผู้จัดจำหน่ายทั้งยกโซลูชั่นหรือขายพ่วงระบบของลูกค้าเองแบบ OEM ก็เป็นได้
ประเด็นสำคัญในการสัมภาษณ์
การใช้ดาต้าและการกู้คืนเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ และระบบล่มสามารถสร้างปัญหาร้ายแรงได้
● องค์กรส่วนใหญ่ (73%) ยอมรับว่า ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้
● โดยเฉลี่ยผู้ตอบแบบสอบถามประสบปัญหาเรื่องระบบล่ม 5 ครั้ง ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
● ผู้ตอบแบบสอบถามหนึ่งในสิบ (11%) ประสบปัญหาเรื่องระบบล่มมากกว่า 10 ครั้ง ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
● ระยะเวลาเฉลี่ยของระบบล่มอยู่ที่ 65 นาที
● ธุรกิจเกือบหนึ่งในสาม (29%) ทำการแบ็กอัพแอปพลิเคชันสำคัญเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
การจัดการคลาวด์ดาต้าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการดาต้าอัจฉริยะ การมีดาต้าใช้ได้ตลอดเวลาจะทำให้ธุรกิจได้ประโยชน์ด้านชื่อเสียงและความมั่นใจของลูกค้า
● การที่แอปพลิเคชันหยุดทำงานทำให้องค์กรสูญเสียรายได้และผลผลิตรวม 20.1 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก
● ผลกระทบจากระบบล่มนั้นรวมถึง การเสียความมั่นใจของลูกค้า (54%) ความเสียหายด้านความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ (38%) และการเสียความมั่นใจของพนักงาน (37%)
● องค์กรเกือบหนึ่งในสาม (32%) ลงความเห็นว่า การสูญเสียความมั่นใจจากลูกค้าเป็นผลกระทบที่ควรกังวลมากที่สุด
● ดาต้าที่สูญหายจากเหตุแอปพลิเคชันหยุดทำงานทำให้องค์กรสูญเงินเฉลี่ย 102,450 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง ในจำนวนนี้ องค์กรมากกว่าหนึ่งในสิบ (13%) ระบุว่าสูญมากกว่า 150,000 เหรียญสหรัฐต่อชั่วโมง
● บริษัทจำนวนสามในสี่กำลังมองหาระบบการจัดการคลาวด์ดาต้าเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบหลักในการใช้ดาต้าอัจฉริยะ
องค์กรกำลังมองหาเทคโนโลยีอย่างคลาวด์ ไฮบริดคลาวด์ ปัญญาประดิษฐ์ และอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ เพื่อสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจ
● องค์กรเกือบสองในสาม (62%) ได้นำบิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์บิ๊กดาต้ามาใช้เรียบร้อยแล้ว และมีองค์กร 25% ที่กำลังวางแผนนำมาใช้ภายใน 12 เดือนนี้
● ผู้บริหารไอที 85% เชื่อว่า Artificial Intelligence และ Machine Learning จะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจสำคัญๆ ได้ดีในอนาคต
● องค์กรจะจ่ายเงิน 41 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อนำเทคโนโลยีการจัดการคลาวด์ดาต้ามาใช้สร้างระบบธุรกิจอัจฉริยะภายใน 12 เดือนนี้
● องค์กรเก้าในสิบกำลังมองหาระบบการจัดการดาต้าอัจฉริยะ โดยบ่อยครั้งจะใช้ความสามารถของระบบการจัดการคลาวด์ดาต้า เพื่ิอสร้างความสำเร็จและสร้างคุณค่าของดาต้าให้มากยิ่งขึ้น
● ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 55% ระบุว่าองค์กรต้องการใช้ระบบการจัดการดาต้าอัจฉริยะสำหรับธุรกิจทั้งระบบ ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนหนึ่งในสาม (36%) จะเริ่มต้นใช้งานก่อนแล้วค่อยขยับขยายระบบภายหลัง
● ธุรกิจเกือบสามในสี่ (73%) ได้ใช้งานหรือวางแผนจะใช้งาน Artificial Intelligence และ Machine Learning ภายใน 12 เดือนนี้
วีมมีโซลูชั่นที่รองรับการจัดการแบ็กอัพข้อมูลตั้งแต่ระดับ เอสเอ็มอีจนถึงระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ เรามีลูกค้าทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โรงพยาบาล ธุรกิจอาหาร และกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งในปี พ.ศ. 2562 ได้ตั้งเป้าที่จะขยายไปสู่องค์กรที่รับรู้ความเสี่ยงของข้อมูล และกลุ่มธุรกิจที่มีการแข่งขันด้านข้อมูล
วีมนั้นเชื่อว่าความนิยมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของคลาวด์ จะช่วยให้ตลาดด้าน Cloud Data Management เติบโตยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต จากการสำรวจข้อมูลโดยวีม และไอดีซี ชี้ว่าภายในปี พ.ศ. 2563 มูลค่าของตลาด Cloud Data Management จะมีมูลค่าสูงกว่า 15,000 ล้านเหรียญหรือราวๆ 450,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ทุกวันนี้หลายองค์กรนำคลาวด์มาใช้งานภายในองค์กร และปรับไปสู่รูปแบบ Hybrid Cloud หรือ Multi-Cloud กันมากขึ้น ทำให้ระบบ Data Center และการใช้งานแอพพลิเคชั่นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยกระจายอยู่ตามระบบแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งในจุดนี้วีมได้ปรับตัวพัฒนาเทคโนโลยีครั้งใหญ่ ปรับโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์การสำรองข้อมูลและระบบต่างๆ บนคลาวด์ให้ได้ครบถ้วนครอบคลุม จึงได้พัฒนาและส่ง Veeam Availability Suite 9.5 โซลูชั่นชั้นนำด้านการสำรองและบริหารจัดการข้อมูลที่สามารถรองรับ Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้องค์กรธุรกิจใช้งานได้ต่อเนื่อง ความสามารถที่น่าสนใจหลักๆ ต่อการใช้งานเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง มี 4 ประการหลักๆ ดังนี้
● Cloud Tier สำรองข้อมูลระยะยาวบน Cloud โดยไม่จำกัดพื้นที่ความจุของข้อมูลที่ทำการสำรอง สามารถทำการผนวกระบบกับ Object Storage ได้ด้วย
● Cloud Mobility สามารถย้ายหรือกู้คืนข้อมูลและแอพพลิเคชั่นบนบริการ Public Cloud ได้
● Enterprise Application Support รองรับการทำงานร่วมกับ Oracle RMAN และ SAP HANA เพื่อสำรองข้อมูลของระบบ Application สำคัญในธุรกิจได้โดยตรงแล้ว
● Data Governance เพิ่มความสามารถใหม่ด้าน Security และ Compliance ซึ่งครอบคลุมถึงทั้งการรองรับกฎหมายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลอย่าง GDPR และการป้องกัน Malware ภายในตัว