อุตสาหกรรมทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเรื่องของ สมาร์ท ซิตี้ (Smart City) ที่มีบริการเป็นตัวขับเคลื่อน ทำให้ธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมต้องการเพิ่มความสามารถในการเชื่อมโยงโครงข่าย และการจัดการทรัพยากรทางไอทีขององค์กรได้อย่างกลมกลืน
นิพัสตราภรณ์ เจียมโชติพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตก้า ซิสเต็ม จำกัด เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลัง 2560 เน็ตก้าจะเริ่มทำตลาดซอฟต์แวร์บริหารจัดการระบบทรัพยากรไอทีในประเทศเชิงรุกมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในงานบริหารจัดการเน็ตเวิร์คขนาดใหญ่หลายงาน
โดยเฉพาะงานโครงการที่รองรับการให้บริการสำหรับคนหมู่มาก เช่น ระบบจัดการทรัพยากรไอทีในสนามบิน และโครงการ Smart City เป็นต้น โดยล่าสุดได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศ 2 ราย ประกอบด้วย บริษัท วีอาร์ซีโอเอ็มเอ็ม และดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) เพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยี Smart Public Service ในเมืองไทย
Smart Public Service เทรนด์ที่ธุรกิจควรใส่ใจ
การเติบโตของ Smart Public Service ในไทยนั้นเติบโตทั้งในส่วนของการจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน โดยมีการบริหารจัดการเน็ตเวิร์คเป็นรากฐานสำคัญในการเชื่อมต่อเข้ากับระบบอื่นๆ เช่น การเชื่อมต่ออุปกรณ์เครือข่ายเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัย อุปกรณ์ IoT
รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่อาศัยระบบเน็ตเวิร์คกิ้งเป็นตัวกลางในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งจากแนวโน้มของเทคโนโลยีในยุค Digital Transformation จะทำให้ขอบเขตการให้บริการกว้างขึ้นและเป็นการให้บริการในแบบที่รองรับการใช้งานของคนเป็นจำนวนมาก ทำให้ตลาดนี้มีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยซอฟต์แวร์ของเน็ตก้ามีจุดแข็งที่รองรับการใช้งานแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อหรือการบริหารจัดการที่ถือได้ว่าสามารถทำได้ครอบคลุมที่สุด และการที่เป็นบริษัทคนไทยทำให้ลดช่องว่างในการติดต่อสื่อสาร ทำให้พาร์ทเนอร์ทำงานได้รวดเร็วขึ้น
จับมือ 2 พาทเนอร์ เพื่อขับเคลื่อน Smart City
การแต่งตั้งบริษัท วีอาร์ซีโอเอ็มเอ็ม ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบความปลอดภัย และการจัดการระบบเครือข่ายให้กับภาครัฐ โดยเฉพาะสถาบันการศึกษา จะทำให้เน็ตก้าขยายฐานเข้าไปยังตลาดเฉพาะทางที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะด้านและโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐมากขึ้น
ขณะที่การแต่งตั้งบริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) ซึ่งถือเป็นตัวแทนจำหน่ายขนาดใหญ่ ตลาดให้ความเชื่อถือ และมีอุปกรณ์ต่างประเทศชั้นนำหลายแบรนด์ในการเจาะตลาด ทำให้การเข้าสู่ฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ทำได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการมีตัวแทนจำหน่าย 2 รายที่มีความแตกต่างกันจะช่วยให้เน็ตก้า เพิ่มระบบการขายให้ครอบคลุมตลาดในประเทศไทยได้ดีขึ้น
โดยเน็ตก้ามองไปถึงบริการหลังการขายที่จะมีการแต่งตั้งให้เป็น Authorized Service อีกด้วย โดยในช่วงแรกนี้ทีมงานวิศวกรของเน็ตก้าจะทำงานร่วมกันกับทีมหลังการขายของตัวแทนจำหน่ายและรีเซลเลอร์ และคาดว่าจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของเน็ตก้าในตลาดซอฟต์แวร์ระบบจัดการทรัพยากรไอทีของไทยเติบโตขึ้นราวๆ 10%
โดยบทบาทต่อไปของเน็ตก้าจะไม่ทำการตลาดขายซอฟต์แวร์และโซลูชั่นตรงไปยังลูกค้า แต่จะยกให้เป็นหน้าที่ของระบบตัวแทนจำหน่าย ที่จะใช้เครือข่ายรีเซลเลอร์อีกต่อหนึ่ง เน็ตก้าฯ จะปรับตัวมาเน้นเรื่องพัฒนาซอฟต์แวร์เพียงอย่างเดียว และมุ่งมั่นคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การจัดการระบบข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data, ระบบ Internet of Things การเชื่อมต่อเข้ากับระบบทรัพยากรไอทีด้านอื่นๆ และเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยมุ่งเน้นขจัดความซับซ้อนให้มากที่สุด
ด้าน รุ่งโรจน์ รัตนาภากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีอาร์ซีโอเอ็มเอ็ม หรือ วีอาร์คอมม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทจะเน้นการทำตลาดเน็ตเวิร์คกิ้งและซีเคียวริตี้ โดยเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและนำตลาดด้วยการนำเสนอโซลูชั่นกับลูกค้าแล้วจึงค่อยส่งต่อโครงการให้กับรีเซลเลอร์ ดังนั้นตลาดให้การยอมรับในเรื่องความเป็นผู้เชี่ยวชาญมากกว่าการเป็นดิสทิบิวเตอร์
การที่ได้ระบบของเน็ตก้าฯ เข้ามาในสายการจำหน่ายยิ่งทำให้ภาพของการเป็นผู้เชี่ยวชาญของบริษัทโดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม เพราะระบบจัดการระบบทรัพยากรไอทีของเน็ตก้าฯ จะทำให้เชื่อมต่อและบริหารทรัพยากรทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเน็ตเวิร์คกิ้ง ที่วีอาร์คอมม์มีอยู่ทั้งหมด รวมทั้งเชื่อมโยงเข้ากับระบบเดิมของลูกค้าเดิมที่มีอยู่ได้อีกด้วย
ในด้านการตลาดซีเคียวริตี้ที่ผ่านมามีความหวือหวาจาก ransomware ทำให้ตลาดเริ่มเติบโต และจำเป็นต้องมีสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น การที่ได้ระบบของเน็ตก้าฯ เข้ามาทำให้การพิจารณาสินค้าใหม่ที่รองรับระบบใหม่ๆ ของวีอาร์คอมม์ทำได้ง่ายขึ้น เพราะสินค้าใหม่สามารถเชื่อมโยงกับสินค้าเดิมได้ในทันที
และทำให้มั่นใจได้ว่าการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคจะแก้ไขได้ในทันทีเนื่องจากเน็ตก้าฯ เป็นบริษัทไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกอยู่แล้ว โดยในปีนี้หลังเป็นตัวแทนของเน็ตก้าฯ นั้น วีอาร์คอมม์ตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ 15% โดยจะเน้นองค์กรภาครัฐระดับภูมิภาค มหาวิทยาลัย และองค์กรขนาดใหญ่ที่มุ่งเน้นแก้ไขระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านไอที
ด้าน พูลสุข วัฒนายิ่งเจริญชัย ผู้อำนวยการ บริษัท ดาต้าวัน เอเชีย (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการทรัพยากรไอทีของเน็ตก้าฯ ถือเป็นการการเข้ามาขายระบบซอฟต์แวร์ของคนไทยครั้งแรกของบริษัท เนื่องจากในตลาดโลกและตลาดประเทศไทยแล้วเน็ตก้าฯ ถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด
และเป็นการทำให้ยุทธศาสตร์ของดาต้าวันที่ต้องการให้แนวทางการขายของบริษัทที่เน้นการเป็นโซลูชั่นมากกว่าการขายเป็นระบบแยกตามแบรนด์ โดยปัจจุบันโปรดักส์ที่ดาต้าวันมีอยู่ครอบคลุมอุปกรณ์ระบบเน็ตเวิร์คกิ้ง ไวไฟ และเน็ตเวิร์คซีเคียวริตี้ จึงมองว่าการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเน็ตก้า จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อและเติมเต็มในสิ่งที่ดาต้าวันมีอยู่
นอกจากนี้ แนวทางของเน็ตก้าฯ ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เข้ามาจัดการระบบ Big Data และ IoT ถือเป็นทิศทางเดียวกับดาต้าวันที่กำลังรุกตลาดด้าน Digital Transformation ขณะนี้ดาต้าวันและเน็ตก้าได้ส่งทีมงานวิศวกรเพื่อเชื่อมต่อระบบต่างๆ อย่างเร่งด่วน ทำให้การรุกตลาดจะทำได้ทั้งการเพิ่มระบบจัดการเข้าไปในระบบเดิมและการสร้างระบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
โดยบริษัทคาดว่าการเพิ่มเน็ตก้าฯ เข้ามาในการขายจะเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้ 15% ในปีนี้ และจะเติบโตสูงขึ้นไปพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
กดติดตามข่าวสารจากเราได้ที่ www.theeleader.com และที่ FB แฟนเพจ eleaderfanpage