เอ็นไอเอ (์NIA) ติดเครื่องความร่วมมือนวัตกรรมร่วมกับออสเตรเลีย เดินหน้าปั้นไลฟ์สไตล์เทค หวังช่วยหนุนเยาวชนคนรุ่นใหม่สู่ธุรกิจสตาร์ทอัพ
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ เอ็นไอเอ ร่วมกับ QUT Creative Enterprise Australia หรือ QUT CEA จากประเทศออสเตรเลีย เตรียมดำเนินความร่วมมือส่งเสริ
NIA เดินหน้าปั้นไลฟ์สไตล์เทค
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าทางด้านสตาร์ทอัพและนวัตกรรมไทยให้มีการเติบโตในระดับที่สูงขึ้น เอ็นไอเอ จึงได้ดำเนินความร่วมมือกับ QUT Creative Enterprise Australia หรือ QUT CEA
หน่วยงานส่งเสริมด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์จากประเทศออสเตรเลีย โดยวัตถุประสงค์ของการร่วมมือกันในครั้งนี้มีความมุ่งหวังในการร่วมกันผลักดันให้เกิดการจัดตั้งธุรกิจนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ พร้อมด้วยการส่งเสริมสตาร์ทอัพของทั้งสองประเทศให้มีการเติบโตที่ดีขึ้นในระดับนานาชาติ
รวมไปถึงการช่วยให้ผู้ประกอบการด้านนวัตกรรมและสตาร์ทอัพของไทยและออสเตรเลียได้มีโอกาสเข้าถึงตลาดของแต่ละประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้น
หลังจากการที่ประชุมร่วมกันระหว่าง เอ็นไอเอ และ ซีอีเอ พบว่าทั้งสองหน่วยงานมีโปรแกรมการส่งเสริมด้านนวัตกรรมที่น่าสนใจ และได้ข้อสรุปความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นในอนาคตดังนี้
การสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยและออสเตรเลียให้มีความเข้าใจในบริบทการทำธุรกิจ ตลาด และความเป็นไปได้ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ใน 2 ประเทศ โดย เอ็นไอเอ จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านนวัตกรรมของออสเตรเลียให้เข้าถึงตลาดในประเทศไทย
ได้ง่ายขึ้นด้วยการผลักดันการใช้สมาร์ทวีซ่า (Smart VISA) พร้อมช่วยให้เข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการให้องค์ความรู้ ความเข้าใจ และการอาศัยโอกาสจากประเทศไทยในฐานะที่เป็นศูนย์กลาง
ส่วนทางด้านออสเตรเลียก็จะให้การสนับสนุนด้านทรัพยากรมนุษย์ ที่จะมีการนำผู้เชี่ยวชาญ หรือสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกให้ได้มีโอกาสเผยแพร่ความรู้เชิงเทคนิคและประสบการณ์แก่ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพของไทย
ซึ่งถือเป็นโอกาสที่สำคัญที่จะช่วยให้สตาร์ทอัพไทยได้เรียนรู้โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ๆที่ต่างไปจากเดิม พร้อมช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษา รวมทั้งความเป็นสากลให้เกิดขึ้นในธุรกิจ
การสนับสนุนด้านระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจสตาร์ทอัพทั้งในไทยและออสเตรเลียไม่ว่าจะเป็น Co – Working Space ห้องแล็ปหรือสถาบันเพื่อการวิจัยและทดลองต่างๆ การสรรหาความร่วมมือจากหลายๆ ภาคส่วนเพื่อเติมเต็มการเติบโตของผู้ประกอบการ ไ
ม่ว่าจะเป็น สถาบันการศึกษา สถาบันการเงิน ภาครัฐ ภาคเอกชน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังจะมีการผลักดันให้เข้าถึงเงินทุนสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมและสตาร์ทอัพจากภาคธุรกิจเอกชน (Accelerator) เพื่อให้ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจจัดตั้งธุรกิจได้มีช่องทางทางการเงินที่กว้างและหลากหลายมากขึ้น
การส่งเสริมธุรกิจหรือกิจกรรมเกี่ยวข้องกับด้านความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Tech) ทั้งธุรกิจสื่อบันเทิง ธุรกิจแฟชั่น เทคนิคการถ่ายภาพ ดนตรี ภาพยนตร์ โทรทัศน์ดิจิทัล เกมส์ รวมถึงการสร้างเนื้อหาคอนเทนท์เพื่อการค้า
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 10 ปี CEA ถือว่ามีความเชี่ยวชาญและสนับสนุนสตาร์ทอัพในด้านดังกล่าวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1000 ราย ซึ่งหาก เอ็นไอเอ ได้เกิดความร่วมมือกับ CEA ในระดับที่เข้มข้นขึ้น เชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องของไทยมีการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
การสนับสนุนโปรแกรมผลักดันเยาวชนให้เข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรม และสตาร์ทอัพ ซึ่งความร่วมมือนี้จะมุ่งเน้นกระบวนการการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในระดับมหาวิทยาลัยได้เห็นถึงความสำคัญ และการประสบความสำเร็จจากการเป็นผู้ประกอบการหรือการทำงานด้านนวัตกรรม
โดย เอ็นไอเอ จะผลักดันให้มหาวิทยาลัยในเครือข่ายทั้ง 47 แห่งของไทย ได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมส่งเสริมทั้งไทยและออสเตรเลียให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางเทคโนโลยี (Tech Talent) การนำเอาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆจากออสเตรเลีย
เข้าสู่การเรียน การสอน และการปฎิบัติงานในมหาวิทยาลัย การส่งเสริมเยาวชนที่มีความสนใจในการจัดตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพ
ได้มีโอการเรียนรู้โมเดลที่มีความแปลกใหม่จากออสเตรเลีย รวมถึงการผลักดันกลุ่มเยาวชนภายใต้โปรแกรม STEAM 4 Innovator , Founder Apprentice , Thailand Innovation Awards , NIA Academy และอื่นๆของ เอ็นไอเอ ให้เข้าถึงตลาดออสเตรเลียได้เช่นกัน
ออสเตรเลีย ถือเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่สำคัญในการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติของ NIA เนื่องจากประเทศดังกล่าวเป็นเมืองชั้นนำของโลกในด้านนวัตกรรมและสตาร์ทอัพโดยเฉพาะในด้านการศึกษาที่อยู่ในระดับท็อป 3 ของโลก
อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตไทยและออสเตรเลียมีความร่วมมือเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางและจริงจังมากขึ้น คาดว่าจะมีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมโยงการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้อีก อาทิ การนำต้นแบบจากมหานครชั้นนำสู่การพัฒนาย่านนวัตกรรมในไทย
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และงานวิจัย องค์ความรู้ในการเป็นผู้ประกอบการในระบบการศึกษา การพัฒนาธุรกิจบริการ การผลักดันเมืองที่สำคัญทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคสู่การเป็น Startup Ecosystem ซึ่งมีตัวอย่างจาก ซิดนีย์ และเมลเบิร์นที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยความร่วมมือที่จะเกิดขึ้
- การสนับสนุนสตาร์ทอั
พไทยและออสเตรเลียให้มีความเข้ าใจในบริบทการทำธุรกิจ ตลาด และความเป็นไปได้ในการดำเนินกิ จกรรมต่างๆ ใน 2 ประเทศ - การสนับสนุนด้านระบบนิเวศที่
เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิ จสตาร์ทอัพ - การส่งเสริมธุรกิจหรือกิ
จกรรมเกี่ยวข้องกับด้านความคิ ดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านไลฟ์สไตล์ - การสนับสนุนโปรแกรมเพื่อผลั
กดันเยาวชนให้เข้าสู่การเป็นผู้ ประกอบการธุรกิจนวั ตกรรมและสตาร์ทอัพ
นอกจากนี้ หากในอนาคตไทยและออสเตรเลียมี
เช่น การพัฒนาย่านนวัตกรรม การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และงานวิ
ส่วนขยาย
* บทความนี้เรียบเรียงขึ้นเพื่อวิเคราะห์ในแง่มุมที่น่าสนใจ ไม่มีวัตถุมุ่งเพื่อโจมตี หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง
** Compose : ชลัมพ์ ศุภวาที (Editors and Reporters)
สามารถกดติดตาม ข่าวสาร และบทความทางด้านเทคโนโลยี ของเราได้ที่